xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์”คุมสินค้าที่ใช้ได้สองทาง นำร่องหมวดวัสดุนิวเคลียร์ไตรมาส 1 ปี 69 ป้องส่งออกกระทบ-สกัดหลุดใช้ทำอาวุธทำลายล้างสูง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปัจจุบันความขัดแย้งด้านความมั่นคงระหว่างประเทศและสงครามทางการค้าที่ทวีความซับซ้อนมากขึ้น ส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศมิใช่เพียงกิจกรรมทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันกับมิติด้านความมั่นคงอย่างลึกซึ้ง โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญที่ถูกผลักดัน และกำลังจะเป็นหนึ่งในมาตรการทางการค้าที่สำคัญ ก็คือ การควบคุมการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-use Items : DUI) ที่สามารถนำไปใช้ในการผลิตอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (Weapons of Mass Destruction : WMD) จนสร้างความกังวลเป็นอย่างมาก เพราะหากไม่วางแผนรับมือหรือมีมาตรการรับมือที่ดี ผลกระทบต่อการส่งออกและการค้าระหว่างประเทศก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้

ทั้งนี้ ในส่วนของไทย กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ได้เกาะติดปัญหา และมีมาตรการรับมือในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การฝึกอบรม สร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการ การพัฒนาระบบควบคุมการส่งออก จนถึงปัจจุบัน สามารถพูดได้ว่า มีความพร้อมในการกำกับดูแล โดยที่ไม่เป็นภาระให้กับผู้ประกอบการ ผู้ส่งออก และยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับการส่งออกสินค้าของไทยในสายตาชาวโลกว่าไทยมีระบบควบคุมการส่งออกสินค้า DUI เป็นอย่างดีประเทศหนึ่งในโลก

ที่มาการควบคุมสินค้าที่ใช้ได้สองทาง

ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2547 มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nation Security Council : UNSC) ที่ 1540 (ค.ศ.2004) (UNSCR 1540) กำหนดให้ประเทศสมาชิกมีมาตรการภายในประเทศที่เหมาะสม เพื่อกำกับดูแลการส่งออก การส่งกลับ การถ่ายลำ การผ่านแดน การเป็นนายหน้า การถ่ายโอนเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ รวมถึงการดำเนินการใด ๆ ในการป้องกันการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (WMD) รวมถึงสินค้าที่ใช้ได้สองทาง (DUI)

โดยประเทศไทย ในฐานะที่เป็นสมาชิกสหประชาชาติ (United Nations : UN) ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2488 (คศ.1945) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ โดยปัจจุบันประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 193 ประเทศ และไทยเข้าเป็นสมาชิก UN ลำดับที่ 55 เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2489 (ค.ศ. 1946) ทำให้ไทยต้องปฏิบัติตามมติดังกล่าว เหมือนกับอีกหลายประเทศ

ปัจจุบัน มีประเทศที่มีกฎหมายและมีระบบการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยาย WMD แล้ว ประมาณ 60 ประเทศ อาทิ สหรัฐฯ แคนาดา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง อินเดีย โดยประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ที่มีกฎหมายและระบบการควบคุมสินค้าเกี่ยวข้องกับการแพร่ขยาย WMD คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย และประเทศที่อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการจัดทำระบบควบคุมสินค้า คือ สปป.ลาว เวียดนาม และอินโดนีเซีย


สินค้าที่ใช้ได้สองทาง คือ อะไร

สำหรับสินค้าที่ใช้ได้สองทาง หรือที่เรียกกันว่า สินค้า DUI คือ สินค้า วัสดุ อุปกรณ์ ซอฟต์แวร์ หรือเทคโนโลยี ที่สามารถนำไปใช้งาน ทั้งในวัตถุประสงค์ทางพลเรือน (Civilian Use) ทางพาณิชย์ (Commercial Use) และทางทหาร (Military Use) หรือการผลิตอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (WMD) เช่น อาวุธนิวเคลียร์ เคมี หรือชีวภาพ ซึ่งตามระบบควบคุมการส่งออกของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นต้นแบบของนานาประเทศ ได้แบ่งประเภทสินค้าออกเป็น 9 หมวด

สินค้า DUI มีอะไรบ้าง

สินค้า DUI ที่กรมการค้าต่างประเทศจะกำกับดูแล ยึดตามมาตรฐานของสหภาพยุโรป แบ่งออกเป็น 10 หมวด จำนวน 1,775 สินค้า คิดเป็นมูลค่าส่งออกในปี 2567 ที่ผ่านมา จำนวน 3.51 ล้านล้านบาท และคิดเป็น 30% ของยอดส่งออกรวมที่มีมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย

หมวด 0 วัสดุเครื่องจักรกลหนัก อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ อุปกรณ์แขนกล และยูเรเนียมธรรมชาติ จำนวน 41 สินค้า

หมวด 1 วัสดุพิเศษและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 483 สินค้า

หมวด 2 การแปรรูปวัสดุ จำนวน 218 สินค้า

หมวด 3 อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 237 สินค้า

หมวด 4 คอมพิวเตอร์ จำนวน 21 สินค้า

หมวด 5 โทรคมนาคมและการรักษาความปลอดภัยข้อมูล จำนวน 96 สินค้า

หมวด 6 เซนเซอร์และเลเซอร์ จำนวน 353 สินค้า

หมวด 7 ระบบนำร่องและระบบอิเล็กทรอนิกส์การบิน จำนวน 93 สินค้า

หมวด 8 ยานพานะและอุปกรณ์ทางทะเล จำนวน 58 สินค้า

หมวด 9 การบิน อวกาศและการขับดัน จำนวน 171 สินค้า


นำร่องคุมสินค้า DUI หมวด 0

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรมจะเริ่มใช้มาตรการใบอนุญาตส่งออก (Export License) สำหรับสินค้าที่สามารถนำไปใช้เพื่อเป็นสินค้าปกติและใช้เป็นส่วนประกอบในอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (WMD) หรือที่เรียกกันว่าสินค้าสองทาง (DUI) เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจสินค้าไทยในเวทีโลกและนักลงทุนต่างชาติว่าไทยยืนอยู่ข้างสันติภาพของโลก ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงลงทุนต่างชาติ และยังเป็นการป้องกันภาพลักษณ์ของไทยไม่ให้ไทยตกเป็นช่องทางถ่ายโอนสินค้าผิดกฎหมาย และมีผลกระทบต่อการส่งออกในอนาคต ที่ความเข้มข้นในเรื่องนี้ จะมีมากขึ้น

โดยกรมจะนำร่องบังคับใช้มาตรการออกใบอนุญาตสำหรับการส่งออกและการส่งกลับสินค้า DUI หมวด 0 ก่อน โดยผู้ส่งออกต้องตรวจสอบว่าสินค้าของตนเป็น DUI หมวด 0 หรือไม่ ผ่านระบบ e-Classification ของกรมที่ www.etcwmd.dft.go.th หากพบว่าเป็น DUI จะต้องยื่นขออนุญาตผ่านระบบ e-DUI Licensing ที่กรมพัฒนาขี้นมาโดยเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ส่งออก โดยระบบ e-classification ได้เริ่มเปิดให้ผู้ประกอบการตรวจสอบได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2568 และผู้ประกอบสามารถยื่นขอใบอนุญาตผ่านระบบ e-DUI Licensing ได้ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.2568


สินค้าเสี่ยงหมวด 0

ภายหลังการเทียบเคียงพิกัดเข้าข่ายกับบัญชีสินค้า DUI ในหมวด 0 มีพิกัดที่เข้าข่ายทั้งหมดจำนวน 204 พิกัด จำนวนผู้ส่งออกพิกัดเข้าข่ายดังกล่าวทั้งหมด 5,747 ราย โดยมีพิกัดที่มีความเสี่ยงที่จะเป็น DUI สูงสุด 8 พิกัด ได้แก่ 26121000 (สินแร่และหัวแร่ยูเรเนียม) 26122000 (สินแร่และหัวแร่ยูเรเนียม) 28442010 (ยูเรเนียมที่มี U 235 เพิ่มขึ้นและสารประกอบของยูเรเนียมดังกล่าว พลูโตเนียมและสารประกอบของพลูโตเนียม) 28442090 (ยูเรเนียมที่ทำให้ U235 เข้มขึ้น และสารประกอบของยูเรเนียมดังกล่าว พลูโตเนียมและสารประกอบของพลูโตเนียม รวมทั้งโลหะเจือ ดิสเพอร์ชัน (รวมถึงเซอร์เมต) ผลิตภัณฑ์เซรามิกและของผสม ซึ่งมียูเรเนียมที่ทำให้ U235 เข้มขึ้น หรือมีพลูโตเนียมหรือสารประกอบของผลิตภัณฑ์เหลว) 28445000 (แท่งเชื้อเพลิง (คาร์ทริดจ์) ที่ใช้แล้ว (แผ่รังสีแล้ว) ของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์) 84011000 (เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์) 84013000 (แท่งเชื้อเพลิง (คาร์ทริดจ์) ที่ยังไม่ได้ใช้ของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และแท่งเชื้อเพลิงชนิดอะเมริเซียม-241/เบริลเลียม โดยมีค่ากัมมันตภาพรังสีเท่ากับหรือมากกว่า 0.1 GBq (2.7mCi)) 84014000 (ส่วนประกอบของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์)


เปิดขั้นตอนการใช้งานระบบ

ขั้นตอนที่ 1 จำแนกสินค้า (e–classification) ผ่านระบบ e-TCWMD โดยทั่วไปแล้ว ผู้ประกอบอาจเลือกใช้พิกัดของสินค้าที่ส่งออก จำนวน 6 หลักในการจำแนก โดยหมายเลข DUI Number ที่ต้องขออนุญาตก่อนการส่งออก คือ สินค้าในหมวด 0 ซึ่งมีหมายเลข DUI Number ขึ้นต้นด้วย 0 อาทิ 0C001 0B002 0A001 อ้างอิงตามโครงสร้างหมายเลข DUI Number หรือ Export Control Number (ECN) ของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นต้นแบบระบบควบคุมการส่งออกในหลายประเทศ

ขั้นตอนที่ 2 ผู้ประกอบการส่งออกสินค้า DUI ล็อกอินเข้าสู่ระบบ DFT SMART–I และกดลิ้งค์ระบบ e-TCWMD

เพื่อยื่นคำขอใบอนุญาต (e-DUI Licensing) ซึ่งเจ้าหน้าที่มีระยะเวลาพิจารณาคำขอนานสุด 45 วัน ขึ้นอยู่กับกรณี

ขั้นตอนที่ 3 เมื่อได้เลขที่ใบขนแล้ว ผู้ประกอบการต้องกลับมาแจ้งข้อมูลเลขที่ใบขนในระบบ e-TCWMD อีกครั้งก่อนการส่งออก-ส่งกลับ ซึ่งข้อมูลใบอนุญาตจะถูกส่งไปยังระบบ National Single Window (NSW) ของกรมศุลกากรไม่เกิน 5 วัน

ขั้นตอนที่ 4 เมื่อสินค้าส่งออกไปแล้ว ผู้ประกอบการมีหน้าที่กลับมารายงานข้อมูลการส่งออก-ส่งกลับสินค้า ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ส่งออกหรือส่งกลับสินค้า ทั้งนี้ หากล่วงพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าว กรมจะไม่ออกใบอนุญาตให้ส่งออก-ส่งกลับสินค้า DUI ในครั้งถัดไป จนกว่าผู้ขออนุญาตจะรายงานข้อมูลการส่งออกหรือส่งกลับและแนบเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วนถูกต้อง


สินค้า DUI สำคัญต่อการส่งออก

ทั้งนี้ หากติดตามสถิติการส่งออกของไทยในปี 2567 พบว่า ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้า ที่มีพิกัดอัตราศุลกากรเข้าข่ายเป็นสินค้า DUI จำนวน 813 พิกัด (จากรายการพิกัดเข้าข่ายกำหนดโดยสหภาพยุโรปทั้งหมด 916 พิกัด) มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 3.51 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 33% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าทุกประเภทของไทยไปโลก ประมาณ 10.548 ล้านล้านบาท

โดยหมวดสินค้า DUI ที่มีมูลค่าการส่งออกมากที่สุด คือ อุตสาหกรรมกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (หมวด 3) มูลค่า 1.82 ล้านล้านบาท แต่กรมการค้าต่างประเทศจะเริ่มใช้บังคับมาตรการ Licensing สำหรับการส่งออก-ส่งกลับกับอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการส่งออกน้อยที่สุดก่อนในระยะแรก ได้แก่ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ (หมวด 0) เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวได้ก่อนการใช้บังคับมาตรการ Licensing ให้ครอบคลุมสินค้า DUI ทุกหมวดในอนาคต ทั้งนี้ สินค้าที่เข้าข่ายเป็นสินค้า DUI ในหมวด 0 ที่ได้นำร่องนั้น ไทยมีการส่งออกในปี 2567 เป็นมูลค่า 4.37 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ ไต้หวัน จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น เป็นต้น


แผนดำเนินการระยะต่อไป

นางอารดากล่าวว่า ภายในไตรมาสแรกของปี 2569 กรมจะเริ่มใช้บังคับมาตรการอนุญาต (Licensing) กับสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ ภายใต้ พ.ร.บ.การควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ.2562 เพื่อยกระดับมาตรการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยในระยะแรก กรมจะออกใบอนุญาตแบบรายครั้ง (Individual License per Invoice) มีอายุ 90 วัน โดยใบอนุญาต 1 ใบ สามารถขออนุญาตสินค้าได้ไม่เกิน 5 รายการ และสามารถส่งออกไปยัง 1 ปลายทางเท่านั้น

ดังนั้น ผู้ส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ ควรศึกษาและติดตามความคืบหน้าของรายละเอียดมาตรการ Licensing ที่คาดว่าจะมีผลใช้บังคับภายในไตรมาสแรกของปี 2569

สำหรับผู้ส่งออกสินค้าหมวดอื่น ๆ (หมวด 1-9) แม้ยังไม่เข้าข่ายเป็นผู้ที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวในระยะแรกนี้ แต่ก็ควรเริ่มวางแผนงานจำแนกสินค้าซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญด่านแรกที่อาศัยระยะเวลาดำเนินการ รวมถึงเริ่มศึกษาการจัดทำระบบงานควบคุมสินค้าภายในองค์กร (Internal Compliance Program : ICP) ให้สอดคล้องตามประกาศหลักเกณฑ์ ICP ของกรม เนื่องจากระบบ ICP ไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างระบบธุรกรรมที่ปลอดภัยขององค์กร แต่อาจเป็นประโยชน์ต่อการขอใบอนุญาตบางประเภทในอนาคตตามหลักสากล

ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่โทร. 02–547-4735 กลุ่มงานบริหารสินค้าสองทาง กองบริหารสินค้าข้อตกลงและมาตรการการค้า


กำลังโหลดความคิดเห็น