xs
xsm
sm
md
lg

9 เดือนปี 68 ต่างชาติลงทุนไทย 770 ราย นำเงินเข้า 2.5 แสนล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ต่างชาติลงทุนไทยช่วง 9 เดือน ปี 68 จำนวน 770 ราย เพิ่ม 21% นำเงินเข้ามาลงทุน 253,116 ล้านบาท เพิ่ม 88% จ้างงานคนไทย 5,132 คน เพิ่ม 105% เผยญี่ปุ่นนำโด่ง นักลงทุนเข้ามามากสุด สิงคโปร์ลงเงินมากสุด พบเป็นนักลงทุนที่เข้ามาทางบีโอไอ 337 ราย เงินลงทุนเฉียด 2 แสนล้านบาท สะท้อนนโยบายรัฐดึงลงทุนสำเร็จ ส่วนในพื้นที่ EEC มีนักลงทุนเข้า 222 ราย ลงทุน 82,264 ล้านบาท

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือน ปี 2568 (ม.ค.-ก.ย.) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 770 ราย เพิ่มขึ้น 21% โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 201 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 569 ราย มูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 253,116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88% และจ้างงานคนไทย 5,132 คน เพิ่มขึ้น 105%

ทั้งนี้ เฉพาะเดือน ก.ย. 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 83 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 20 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 63 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 27,580 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน ตามลำดับ มีการจ้างงานคนไทย 237 คน

สำหรับจำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ในช่วง 9 เดือน ปี 2568 ได้แก่ 1. ญี่ปุ่น 142 ราย คิดเป็น 18% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 76,397 ล้านบาท ในธุรกิจ เช่น ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การออกแบบแม่พิมพ์และอุปกรณ์สำหรับการผลิตยานยนต์ การให้คำปรึกษาด้านเทคนิคเกี่ยวกับกระบวนการผลิตยานยนต์ เป็นต้น ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ ธุรกิจบริการรับจ้างประกอบและผลิตผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์ตัดไฟแรงดันสูง ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น อุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับใช้กับเครื่องจักร เหล็กแผ่นเคลือบ หม้อแปลงไฟฟ้าแบบใช้น้ำมัน และชิ้นส่วนเครื่องจักรสำหรับงานก่อสร้าง

2. สหรัฐฯ 116 ราย คิดเป็น 15% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 4,368 ล้านบาท ในธุรกิจ เช่น ธุรกิจกิจการนายหน้าหรือตัวแทนในการจัดหาผู้ให้บริการด้านการผลิตสินค้า ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับหลักสูตรการศึกษา ค่าใช้จ่าย การเดินทาง และที่พักระหว่างการศึกษาต่อ ธุรกิจบริการรับจ้างผลิต เช่น โลหะและชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์, DC Cable, และโลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ

3. สิงคโปร์ 108 ราย คิดเป็น 14% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 86,550 ล้านบาท ในธุรกิจ เช่น ธุรกิจแปรรูปไม้เพื่อการผลิตชิ้นส่วนของใช้ครัวเรือน สุขภัณฑ์ ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับบริหารจัดการสัญญาณโทรคมนาคมและระบบวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้งาน ธุรกิจบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษาสินค้าประเภทนาฬิกา ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น เบาะนั่งรถยนต์และเบาะนั่งของเครื่องจักรกล บรรจุภัณฑ์จากเศษวัสดุทางการเกษตร, Printed Circuit Board, และชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม

4. จีน 99 ราย คิดเป็น 13% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 21,925 ล้านบาท ในธุรกิจ เช่น ธุรกิจแปรรูปไม้เพื่อการผลิตถ่านกัมมันต์ ธุรกิจบริการรับจ้างประกอบยางล้อรถยนต์ ธุรกิจบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ โดยเป็นการทดสอบชิ้นส่วน หรือส่วนประกอบของอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น แม่พิมพ์, Flexible Printed Circuit Board, ผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป และชิ้นส่วนเหล็กทุบขึ้นรูป

5. ฮ่องกง 82 ราย คิดเป็น 11% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 12,624 ล้านบาท ในธุรกิจ เช่น ธุรกิจแปรรูปไม้เพื่อทำเครื่องเรือนและเครื่องใช้สอย ซึ่งเป็นการผลิตผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่และไม้ ธุรกิจบริการขุดเจาะปิโตรเลียม ภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย ธุรกิจบริการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่ง ประเภทไม่มีโครงข่ายเป็นของตัวเอง ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป คอมเพรสเซอร์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนโลหะ และอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบนิวเมติกส์

นอกจากนี้ ยังพบว่าการลงทุนของต่างชาติที่เข้ามาส่วนใหญ่มาจากการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สูงถึง 377 ราย คิดเป็น 49% ของจำนวนการอนุญาตทั้งหมด 770 ราย มูลค่าลงทุน 199,699 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นอุตสาหกรรมอนาคต เช่น เทคโนโลยีขั้นสูง ดิจิทัล AI ยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด และเกษตรอาหาร

สำหรับการลงทุนในจังหวัดพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ช่วง 9 เดือน ปี 2568 มีจำนวน 222 ราย เพิ่มขึ้น 7% คิดเป็น 29% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย มีมูลค่าการลงทุน 82,264 ล้านบาท คิดเป็น 33% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเป็นนักลงทุนจากจีน 55 ราย ลงทุน 15,665 ล้านบาท ญี่ปุ่น 52 ราย ลงทุน 28,919 ล้านบาท สิงคโปร์ 26 ราย ลงทุน 15,853 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ 89 ราย ลงทุน 21,827 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ การแปรรูปไม้เพื่อการผลิตชิ้นส่วนของใช้ครัวเรือน สุขภัณฑ์ บริการทางวิศวกรรม โดยการออกแบบชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น โครงรถ ประตูรถ แผงหน้าปัด และเบาะนั่ง เป็นต้น บริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล บริการ Data Center บริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนโลหะ ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์โลหะ/ชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป และผลิตภัณฑ์จากกระดาษรีไซเคิล


กำลังโหลดความคิดเห็น