xs
xsm
sm
md
lg

กทม.เตรียมปรับค่าโดยสาร”สีเขียว”ต่อขยาย” 17-45 บาท”ตามระยะทางหวังเพิ่มรายได้จ่ายค่าจ้าง BTS

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กทม.เตรียมปรับค่าโดยสาร”สายสีเขียว”ส่วนต่อขยาย 1,2 จาก 15 บาทตลอดสาย เป็น 17 -45 บาท ตามระยะทาง แต่รวมตลอดสายไม่เกิน 65 บาท หวังช่วยภาระค่าจ้าง 2 พันล้าน/ปี จากทั้งหมด 5 พันล้าน หลังสภากทม.เคาะดึงเงินสะสม จ่ายหนี้ BTS รวมกว่า 3หมื่นล้านตามคำสั่งศาลปค.

รายงานข่าวจากกรุงเทพมหานคร(กทม.) ระบุว่า ทางกทม.และ บจ.กรุงเทพธนาคม (KT) เตรียมจะปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงอ่อนนุช-แบริ่งและช่วงตากสิน-บางหว้า และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง-เคหะสมุทรปราการและช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต จากเดิมที่เก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย เป็นการจัดเก็บตามระยะทาง โดยเริ่มต้นที่ 17 บาท และสูงสุดที่ 45 บาท ซึ่งคาดว่าจะออกประกาศและจะปรับขึ้นค่าโดยสารภายในเดือน พ.ย.2568 นี้

ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณของกทม.มากเกินไป ซึ่งจากการปรับค่าโดยสารดังกล่าวจะทำให้กทม.มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ล้านบาท/ปี และจะช่วยให้ภาระการขาดทุนจากการดำเนินการเดินรถและซ่อมบำรุงในส่วนต่อขยายที่ 1-2 ลดลงจาก 5,000 ล้านบาท/ปี เหลือ 3,000 ล้านบาท/ปี

โดยการปรับอัตราค่าโดยสารส่วนต่อขยาย 1-2 จะไม่ส่งผลกระทบต่อแนวคิดของนายชัชชาติ ที่เคยกล่าวก่อนหน้านี้ เรื่องการกำหนดเพดานราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดสานสูงสุดไม่เกิน 65 บาท ซึ่งได้พูดคุยกับ BTSC ทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่ศาลปกครองกลาง มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 29 ก.ย.68 ให้กรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคม ชำระเงินค่าจ้างให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่เดือนมิ.ย.64 ถึงเดือน ต.ค. 65 เป็นเงินต้นทั้งสิ้น11,068,469,939.83 บาท บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) และ ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร (สภากทม.) มีมติเห็นชอบผลการศึกษาตามที่คณะกรรมการวิสามัญศึกษาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในวาระ 2-3

โดยสาระสำคัญของร่างข้อบัญญัติ เป็นการตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2569 จำนวนเงินทั้งสิ้น 32,625,106,200 บาทถ้วน เป็นรายจ่ายพิเศษ โดยจ่ายจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งคณะกรรมการวิสามัญมีมติให้ผ่านงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมเป็นจำนวนเงิน 32,625,106,200 บาทถ้วน โดยมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะประกอบด้วย

1. กรุงเทพมหานคร ควรกำหนดแนวทางในการชำระค่าจ้างเดินรถและค่าซ่อมบำรุง (O&M) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 นับตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2568 จนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ให้ชัดเจน เพื่อให้กรุงเทพมหานครสามารถชำระค่าจ้างเดินรถ และค่าซ่อมบำรุง (O&M) ได้ หากผิดนัดชำระหนี้อีกอาจก่อให้เกิดความเสียหายในส่วนของการต้องชำระค่าดอกเบี้ยในอัตราที่สูง

และ 2. หน่วยรับงบประมาณควรเร่งดำเนินการเบิกจ่าย เพื่อประโยชน์ในการลดภาระดอกเบี้ยของกรุงเทพมหานคร

@คาดจ่ายหนี้ได้ ต.ค.นี้ พร้อมตั้งงบจ่ายค่าเดินรถ ปีละ 5 พันลบ.

รายงานข่าวจากกทม. ระบุว่า ปัจจุบันเงินสะสมจ่ายขาดที่กทม.มี ประมาณ 50,000 ล้านบาท หากชำระหนี้ให้ BTSC จะคงเหลือประมาณ 17,000-20,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ลงนามในข้อบัญญัติ กทม.เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ภายในเดือน ต.ค.นี้ โดยขั้นตอนจากนั้น จะนำประกาศเผยแพร่ผ่านราชกิจจานุเบกษา ก่อนมีผลบังคับใช้และเร่งรัดให้มีการเบิกจ่าย ในเดือน ต.ค.นี้เช่นกัน

สำหรับกรอบวงเงิน 32,000 ล้านบาทนั้นจะครอบคลุมหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวรวมทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่ 1.หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M)รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ช่วงวันที่ 1 มิ.ย.2564 ถึงวันที่ 20 พ.ย.2565 รวม 11,811 ล้านบาท ซึ่งศาลปกครองกลางตัดสินแล้วเมื่อวันที่ 29 ก.ย.2568

2.หนี้ค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่ พ.ย.2565 - ธ.ค.2567 รวม 17,596 ล้านบาท คิดเป็นเงินต้น 15,762 ล้านบาท และดอกเบี้ย 1,833 ล้านบาทยังไม่มีการฟ้องคดี

3.หนี้ค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2568 - พ.ค.2568 รวม 3,697 ล้านบาท คิดเป็นเงินต้น 3,650 และดอกเบี้ย 46.78 ล้านบาท

รายงานข่าวจากกทม.ระบุว่า กทม.มีแผนงานที่จะเสนอขออนุมัติตั้งงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าว ซึ่งประเมิน ว่าจะใช้งบประมาณปีละ 5,000 ล้านบาทจนกว่าจะหมดสัมปทานในปี 2572


กำลังโหลดความคิดเห็น