xs
xsm
sm
md
lg

กทพ.ดันลงทุนทางด่วน 4 สายใหม่ 1.15 แสนล้านบาท ชง”ครม.อนุทิน”วัดใจขยายสัมปทานผุด Double Deck

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การลงทุนทางด่วนมูลค่าหลายแสนล้านบาท เป้าหมายสำคัญเพื่อ แก้ปัญหาจราจรและอำนวยความสะดวกในการเดินทางโดยเฉพาะในเขตเมือง โดยตลอด 53 ปี การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ดำเนินการก่อสร้างและเปิดให้บริการแล้ว 8 เส้นทาง ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมระยะทาง 224.6 กิโลเมตร (กม.) และยังมีโครงการที่ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างและอยู่ระหว่างเตรียมเสนอขออนุมัติลงทุน และศึกษาโครงการอีกรวม 12 โครงการ มีระยะทางเพิ่มอีก 241.93 กม. มูลค่าลงทุนกว่า 3.12 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ โครงข่าย 8 เส้นทางนั้น มีปริมาณการจราจร รวมเฉลี่ย 1.71 ล้านคันต่อวัน มีรายได้จากค่าผ่านทาง 65.61 ล้านบาทต่อวัน และจากข้อมูลสถิติพบว่า ในปี 2562 มีปริมาณการจราจรสูงสุดที่ 1.9 ล้านคันต่อวัน โดยมีรายได้อยู่ที่ 73.15 ล้านบาทต่อวัน หลังจากเกิดสถานการณ์โควิด 19 ปริมาณจราจร และรายได้ก็ลดลง ต่ำสุดที่ 1.38 ล้านคันต่อวันโดยมีรายได้อยู่ที่ 50.76 ล้านบาทต่อวัน ปัจจุบันถือ ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ปริมาณจราจรจะยังไม่กลับไปเท่ากับปี 2562 ขณะที่มีการปรับค่าผ่านทางสายฉลองรัช ในปี 2567 ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

@เร่งรัดก่อสร้างสายพระราม 3 -ดาวคะนองปิดจ๊อบต้นปี 69

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าฯกทพ.กล่าวว่า มิชชั่นหลักของกทพ.คือก่อสร้างทางด่วน พัฒนาปรับปรุงให้มีมาตรฐานความปลอดภัย และการให้บริการที่มีความสะดวกรวดเร็ว โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ตอบโจทย์ผู้ใช้ทาง รวมถึงบริหารจัดการสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ปัจจุบันมี โครงการทางด่วนที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการ คือ

1.โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ระยะทาง 18.70 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 31,244 ล้านบาท โดย ณ เดือนสิงหาคม 2568 การก่อสร้างมีความคืบหน้า 91.02% ขณะที่แผนงานกำหนดไว้ที่ 90.88% ถือว่าเร็วกว่าแผนงานเล็กน้อย

ทางด่วนสายพระราม3- ดาวคะนอง-ถนนวงแหวนฯ ถือเป็นโครงการระยะเร่งด่วนเพราะเป็นโครงข่ายที่รองรับปริมาณจราจร จากมอเตอร์เวย์ M 82 สายบางขุนเทียน-เอกชัย-บ้านแพ้ว ของกรมทางหลวง ช่วยลดความแออัดบนถนนพระราม 2

“กำลังเร่งรัดก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย ซึ่งสัญญา 1 สัญญา 2 คาดจะแล้วเสร็จและเปิดให้ใช้ได้ภายในปี 2568 ได้ตามนโยบายกระทรวงคมนาคม ส่วนระบบ O&M ได้ออก NTP เริ่มงานแล้ว คาดว่า จะเสร็จภายในปี 2569 รองรับการเปิดให้บริการเต็มระบบ

ส่วนสัญญา 3 ทางยกระดับ ช่วงจากโรงพยาบาลบางปะกอก 9-ด่านดาวคะนอง -เชิงลาดสะพานพระราม 9 ระยะทาง 5 กม. มีกิจการร่วมค้า ไอทีดี-วีซีบี เป็นผู้ก่อสร้าง อยู่ระหว่างปรับแผนการก่อสร้างใหม่ หากไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยก็จะยังไม่อนุญาตให้ก่อสร้าง

สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น หากพิจารณา สถิติอุบัติเหตุในไซด์ก่อสร้างทางด่วนพระราม 3- ดาวคะนองฯ​ ถือว่ามีมาตรฐานความปลอดภัยสูงมาก เพราะมีค่าความปลอดภัยที่ 5.8 ล้านชั่วโมงทำงาน เท่ากับทำงานมาถึง 4 ปี ถึงเกิดอุบัติเหตุ เทียบกับโรงไฟฟ้า มีสถิติ ที่ 4 ล้านชั่วโมงทำงาน

“แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นก็ต้องยอมรับว่าทำให้สังคมอาจจะกังวล แม้ตัวเลขสถิติอุบัติเหตุ จะยืนยันถึงความปลอดภัยก็ตาม”


2.โครงการทางพิเศษสายฉลองรัฐส่วนต่อขยายช่วงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา ระยะทาง 16.21 กม.วงเงินลงทุน 24,000 ล้านบาท มีบมจ.อิตาเลียนไทยฯ เป็นผู้รับจ้าง ปัจจุบันการก่อสร้างมีความคืบหน้า 0.66% เร็วกว่าแผนงานที่กำหนด ไว้ที่ 0.25%

@เตรียมประมูล”ทางด่วนกะทู้-ป่าตอง”1.67 หมื่นล้าน

สำหรับโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ตระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กม. วงเงินลงทุน 16,757 ล้านบาท คณะรัฐมนตรีอนุมัติ (ครม.)อนุมัติให้ดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2568 โครงการเป็นรูปแบบอุโมงค์ทางด่วน ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอน เตรียมคัดเลือกผู้ควบคุมงานและผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการ ในเดือน ธ.ค.นี้ คาดว่าจะได้ตัวผู้ชนะการประมูลภายในต้นปี 2569 เริ่มก่อสร้างภายในปี 2569 ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี ก่อนเปิดให้บริการภายในปี 2572


@เผย 4 โปรเจ็กต์ 1.15 แสนล้าน พร้อม เสนอ”ครม.อนุทิน”

สำหรับโครงการที่มีความพร้อม และอยู่ในขั้นตอน เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ เพื่อขออนุมัติโครงการ จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออกหรือ N2 เดิม ระยะทาง 6.67 กม. งบประมาณดำเนินโครงการ 13,666 ล้านบาท ปัจจุบัน สำนักเลขาคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำเสนอครม.ขออนุมัติภายในปี 2568 โดยจะเป็นการก่อสร้างทางพิเศษยกระดับ 4 ช่องจราจร โดยได้มีการปรับปรุงขยับจุดขึ้นลง บนถนนประเสริฐมนูกิจ และเชื่อมทางด่วนกับถนนวงแหวนรอบนอก และมอเตอร์เวย์เพื่อแก้ปัญหาจราจรก่อน

2.โครงการทางพิเศษสายศรีนครินทร์-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะทาง 15.80 กม. วงเงินลงทุน 20,538 ล้านบาท คณะกรรมการ (บอร์ด ) กทพ. เห็นชอบไปเมื่อเดือนส.ค. 2568 ที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอต่อกระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอครม.ต่อไป โครงข่ายนี้จะเชื่อมต่อกับทางด่วนเดิมไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ที่กำลังจะขยายขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารที่ 120 ล้านคน/ปี

3.โครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ระยะทาง 30.62 กม. วงเงินลงทุน 46,752 ล้านบาท ปัจจุบันการศึกษาออกแบบเสร็จแล้วอยู่ในขั้นตอนเตรียมนำเสนอขออนุมัติ คาดว่าจะเสนอกระทรวงคมนาคมได้ภายในเดือน ก.ย. 2568 กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดให้บริการไม่เกินต้นปี 2573 โครงการนี้ กทพ.ก่อสร้างงานโยธาเอง เพื่อความรวดเร็ว ส่วนงานระบบและบริหารจัดการ (O&M) เปิดให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) ของทั้ง 2 ระยะ คือช่วง กะทู้-ป่าตอง และช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้

4.โครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 หรือ Double Deck ช่วงงามวงศ์วาน- พระราม 9 ระยะทาง 20.09 กม.วงเงินลงทุน 34,800 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการ PPP เพื่อขอความเห็นชอบการแก้ไขสัญญาตามขั้นตอนของพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ 2562 โดยมีการเจรจากับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้รับสัมปทานระบบทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 ลงทุนก่อสร้างโครงการ Double Deck และจะลดอัตราค่าทางด่วนเหลือ 50 บาท โดยขยายสัญญาสัมปทานออกไปอีก 22 ปี 5 เดือน นับต่อจากวันสิ้นสุดสัญญาเดิม ปี 2578

“เป็นอีกโครงการที่ความพร้อมแต่ก็มีเสียงคัดค้านในประเด็นเอื้อเอกชน ทำให้ช่วงที่ผ่านมา จึงยังไม่มีการผลักดันเท่าที่ควร จึงน่าจับตาว่าครม.ชุดใหม่ว่าจะเอาอย่างไรกับโครงการนี้”

นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทางหรือ Rest Area ในเขตทางพิเศษบริเวณบางโปรงพื้นที่ 60 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณ กม.17 + 300 ของทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) มีมูลค่าลงทุนรวมประมาณ 2,324.68 ล้านบาท (ค่าก่อสร้าง 627.38 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการและบำรุงรักษาตลอดอายุโครงการ 1,697.30 ล้านบาท) ซึ่งจะเป็นจุดแวะพักรถที่ให้บริการกับผู้ใช้ทางพิเศษสายกาญจนาภิเษกหรือบางพลี-สุขสวัสดิ์

ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมให้ความเห็นชอบให้ดำเนินโครงการในรูปแบบ PPP โดยอยู่ระหว่างเสนอสคร. เพื่อหารือ ว่าจะต้องเสนอครม.ขออนุมัติหรือเป็นอำนาจของรมว.คมนาคมอนุมัติ เนื่องจากวงเงินลงทุนไม่เกิน 5,000 ล้านบาท


@ทบทวน N1 ล้มอุโมงค์ 5 หมื่นล้าน ปรับเป็นยกระดับผ่าน ม.เกษตร

สำหรับ โครงการทางพิเศษเชื่อมต่อทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกของกรุงเทพฯช่วงแคราย-พหลโยธิน หรือ N1 เดิม ระยะทาง 12.60 กม. งบประมาณ 10,550 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทบทวนศึกษาความเหมาะสมโครงการ โดยกำหนดรูปแบบเป็นทางพิเศษยกระดับและถนนยกระดับหรือ access control ขนาด4 ช่องจราจร

เนื่องจากการศึกษาเดิม รูปแบบการก่อสร้างเป็นอุโมงค์ตลอดสายเพื่อแก้ปัญหาบริเวณแยกเกษตรฯ แต่บว่ามีค่าก่อสร้างสูงมากกว่า 50,000 ล้านบาท กระทรวงคมนาคมจึงมีนโยบายให้ทบทวนแนวทางโดยมีการหารือกับกรมทางหลวง (ทล.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อบูรณาการแก้ปัญหาและได้แนวทางใหม่แล้ว จะมีการปรับปรุงถนนงามวงศ์วานในระดับดินเพื่อขยายพื้นที่จราจรและแก้ปัญหาไปจนถึงแยกแครายตลอดแนว

ส่วนโครงการทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพฯและทางพิเศษสายบันนาอาจณรงค์ หรือ S1 ระยะทาง 2.25 กม.วงเงินลงทุน 4,984 ล้านบาท มีการศึกษาออกแบบแล้ว รวมถึงศึกษา EIA เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ถูกชะลอในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากต้องรอความชัดเจนของการพัฒนาพื้นที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.)​และหารือถึงสัดส่วนการลงทุนค่าก่อสร้างร่วมกัน


@ศึกษาทางด่วนภูมิภาค“เกาะสมุย ,เกาะช้าง”

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมอีก 3 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่รับโอนมาจาก กรมทางหลวงชนบท (ทช. )​คือ โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะทาง 37.41 กม. วงเงินลงทุนรวม 55,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม มีความก้าวหน้าประมาณ 90% คาดว่าจะสรุปผลการศึกษาในปี 2569 และนำเสนอครม.

โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะช้างจังหวัดตราดระยะทาง 6.00 กม.วงเงินลงทุน 15,000 ล้านบาทปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมมีความคืบหน้า ประมาณ 69%

อีกโครงการคือ ทางด่วนเชื่อมต่อ จ.สมุทรสาคร – จ.สมุทรปราการ ระยะทาง 71.60 กม. วงเงิน 109,250 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่าง ศึกษาความเหมาะสมฯ


@อัดโปรฯ​ลด 50% เพิ่มสัดส่วน Easy Pass

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กทพ.มีการพัฒนาระบบการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทางด่วน แก้ปัญหารถติดหน้าด่าน โดยมีการส่งเสริมให้ผู้ใช้ทางใช้บัตร Easy Pass ให้มากขึ้น ซึ่งสถิติปี 2568 มีสัดส่วน Easy Pass อยู่ที่ประมาณ 55% ชำระด้วยเงินสดอยู่ที่ประมาณ 45% กทพ.จึงมีการขยายช่อง Easy Pass เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณการใช้งาน และมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการใช้ Easy Pass ที่ 70%

โดยจะต้องมีการเตรียมรองรับในด้านการเติมเงิน การผูกบัตรเครดิต โปรโมชั่นที่จูงใจ มีระบบหลังบ้านที่เสถียร และช่อง Easy Pass ที่เพียงพอ ซึ่งกทพ.เตรียมออกแคมเปญสำคัญ ให้ส่วนลด ช่อง Easy Pass สูงสุด 50% ในวันเกิดของผู้ใช้ทาง ซึ่งตั้งเป้าจะจูงใจให้ผู้ใช้ Easy Pass เพิ่มขึ้น 3% และจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของกทพ.มากกว่า 40 ล้านบาท/ปี

หากเป็นไปตามข้อตกลงรัฐบาล”อนุทิน” มีระยะเวลาทำงานเพียง 4 เดือน เพราะหลังยุบสภาจะกลายเป็นรัฐบาลรักษาการ ก็ต้องรอดูว่า จะมีการอนุมัติผลักดันโครงการต่างๆ จะทำได้แค่ไหน…


กำลังโหลดความคิดเห็น