สนค.ศึกษาการเบี่ยงเบนทางการค้า หลังสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า พบสินค้าจีนมีความเสี่ยงสูงที่สุด ที่จะมีการไหลทะลักมาไทย เหตุมีส่วนต่างภาษีกับไทยมากถึง 15% เผยสินค้านำเข้า 1,149 รายการ พบ 207 รายการ ที่ต้องเฝ้าระวัง มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง และเสี่ยงสูง ระยะสั้น ชงใช้ระบบเตือนภัย มาตรการสกัด ส่วนกลาง ยาว ต้องเพิ่มขีดความสามารถให้ SME ปรับโครงสร้างการผลิต
น.ส.ณิชชาภัทร กาญจนอุดมการ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์การพัฒนาความสามารถทางการแข่งขัน สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค.ได้ทำการศึกษาการวิเคราะห์การเบี่ยงเบนทางการค้า (Trade Diversion) กรณีการไหลทะลักของสินค้าจากประเทศที่ถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีสูงกว่าไทย เช่น จีน 34% ไต้หวัน 20% เวียดนาม 20% และอินเดีย 25% ส่วนไทย 19% พบว่า จีนยังคงเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดที่จะมีการไหลทะลักของสินค้าเข้ามาในไทย เนื่องจากมีส่วนต่างอัตราภาษีกับไทยมากที่สุดถึง 15% ประกอบกับแรงกดดันจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน และการอุดหนุนจากภาครัฐ ทำให้มีต้นทุนการผลิตต่ำ และความเชื่อมโยงในห่วงโซ่อุปทานที่มีอยู่เดิมและความสะดวกทางการค้าภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ยิ่งเอื้อให้สินค้าจีนเข้าสู่ตลาดไทยได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ สนค.ได้ประเมินสินค้าที่ไทยนำเข้าจากจีนจำนวน 1,149 รายการ พบว่า ส่วนใหญ่จำนวน 904 รายการ สัดส่วน 78.7% ยังอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงต่ำ เช่น โทรศัพท์ สมาร์ทโฟน เครื่องประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติ วงจรรวม ของที่ทำด้วยเหล็ก ผลไม้สด หม้อแปลงไฟฟ้า ส่วนประกอบยานยนต์ กลุ่มค่อนข้างเฝ้าระวัง 38 รายการ เช่น เครื่องจักรสำหรับยก อุปกรณ์ส่งสัญญาณ เงินไม่ได้ขึ้นรูป ผ้าทอเส้นใยสังเคราะห์ น้ำมันปิโตรเลียม แท่นขุดเจาะเรือ เครื่องจักรงานโลหะ รถแทรกเตอร์ กลุ่มเฝ้าระวัง 166 รายการ เช่น ปั๊มลมสุญญากาศ อุปกรณ์สำหรับสวิตช์ แบตเตอรีสำรองไฟฟ้า เครื่องจักรเฉพาะตัว เครื่องปรับอากาศ ฟอยล์อะลูมิเนียม ดอกกะหล่ำ เครื่องจักรใช้กับยางหรือพลาสติก กะหล่ำปลี กลุ่มเสี่ยงค่อนข้างสูง 17 รายการ เช่น วงจรพิมพ์ รถยก เครื่องจักรงานไม้ ผ้าถัก อัญมณีสังเคราะห์ เครื่องจักรก่อสร้าง กระสอบบรรจุ เครื่องจักรเจียรโลหะ ชุดชั้นใน ชุดนอน และกลุ่มเสี่ยงสูง 24 รายการ เช่น ทองแดงและผลิตภัณฑ์ อาทิ ตะปู หมุด สกรู กรดโมโนคาร์บอกซิลิก สุรา ใบเลื่อนโลหะ ถังเหล็ก เยื่อกระดาษ ตัวถังยานยนต์ สารประกอบไนไตรล์ ปลามีชีวิต
“สินค้าในกลุ่มเฝ้าระวัง กลุ่มเสี่ยงค่อนข้างสูง และกลุ่มเสี่ยงสูง รวมกันมีประมาณ 207 รายการ สินค้าเหล่านี้ เป็นสินค้าทุนและสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งแม้จะเป็นประโยชน์ต่อภาคการผลิตในเชิงต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต แต่การพึ่งพิงการนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้จากจีนในสัดส่วนที่สูงเกินไป ก่อให้เกิดความเสี่ยงและความเปราะบางต่อความผันผวนของราคา นโยบาย และข้อจำกัดด้านห่วงโซ่อุปทานที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภค มีหลายรายการที่แข่งขันโดยตรงกับผู้ผลิตในประเทศ เช่น สุรา กะหล่ำปลี เสื้อผ้า และเครื่องเรือนพลาสติก มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SME”น.ส.ณิชชาภัทรกล่าว
น.ส.ณิชชาภัทรกล่าวว่า สนค. ได้จัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อรับมือกับการไหลทะลักของสินค้าจีน โดยแบ่งเป็นมาตรการระยะสั้น เน้นการใช้ระบบเตือนภัยเชิงรุก เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปเป็นแนวทางตรวจสอบ และยกระดับความเข้มข้นในการบังคับใช้กฎหมาย เช่น กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน และการกำหนดมาตรฐานสินค้า ส่วนมาตรการระยะกลางถึงยาว เน้นช่วยเหลือ SME ให้แข่งขันได้ การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มสู่การผลิตสินค้าที่มีมูลค่าสูงและใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และทบทวนการใช้ประโยชน์จาก FTA โดยจะนำผลศึกษาและข้อเสนอแนะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อรับมือต่อไป