ปตท.สผ.คาดปริมาณการขายปิโตรเลียมในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นแตะ 5.15 แสนบาร์เรล/วัน จากการซื้อกิจการ 50% แปลง A-18 ในพื้นที่ MTJDA หนุนทั้งปี 68 มีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ย 5.12-5.17 แสนบาร์เรลต่อวัน สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 5.05-5.10 แสนบาร์เรลต่อวัน
นายเสริมศักดิ์ สัจจะวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการเงิน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า แนวโน้มปริมาณการขายในไตรมาส 3/2568 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 5.15 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดิมตั้งไว้ที่ 5.05 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เนื่องจากบริษัทมีการซื้อกิจการแปลง A-18 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJDA) สัดส่วน 50% ทำให้เพิ่มปริมาณการขายได้ทันทีนับตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา
ทำให้ทั้งปี 2568 บริษัทมีปริมาณการขายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นกว่าเป้าหมายเดิมที่ 5.05-5.10 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน มาอยู่ที่ 5.12-5.17 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยหลักมาจากการเข้าซื้อแปลง A-18 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ที่จะรับรู้ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นมา รวมทั้งยังมีอีกหลายแหล่งที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งโครงการ G1/61 (เอราวัณ) และสินภูฮ่อม ขณะที่ในไตรมาส 4/2568 คาดว่าปริมาณการขายจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะแหล่งแอลจีเรีย โอมาน และมาเลเซีย ทำให้ปริมาณการขายทั้งปี 2568 ปรับเพิ่มขึ้น
ด้านราคาก๊าซฯ ในงวดไตรมาส 3/2568 และทั้งปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.8 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/2568 และอัตรากำไรที่ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายได้ (EBITDA Margin) คาดว่าจะรักษาระดับอยู่ในช่วง 70-75% ใกล้เคียงปีก่อน ซึ่งถือเป็นระดับที่บริษัทสามารถรักษาได้ตลอดมา
สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าอุปสงค์จะชะลอตัวลง ส่วนอุปทานจะเพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มโอเปกพลัส ทำให้ตลาดโลกมีกำลังผลิตที่เกินความต้องการใช้อยู่กว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน กดดันราคาน้ำมันดิบ ทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปี 2568 จะอยู่ที่ 65-75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่ง ปตท.สผ. มีสัดส่วนน้ำมันดิบในพอร์ตประมาณ 30% และมีก๊าซธรรมชาติประมาณ 70% จึงไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงเพราะราคาก๊าซผันผวนน้อย
ทิศทางราคา LNG Spot ในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 12-14 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 11.9 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู จากภาวะอุปสงค์ที่มากกว่าอุปทาน ตามความต้องการใช้ LNG ที่เพิ่มขึ้นทั้งในเอเชียและยุโรป
นายเสริมศักดิ์กล่าวอีกว่า กรณีที่สหรัฐฯประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากไทยนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อก๊าซฯ ที่ขายในประเทศ แต่ในทางอ้อมจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ส่วนกรณีไทยเตรียมนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ นั้น ในส่วนของ ปตท.สผ.เป็นการผลิตก๊าซฯ จากแหล่งในประเทศที่มีต้นทุนถูกกว่าการนำเข้า LNG ดังนั้น การรักษาอัตราการผลิตหรือการเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซฯ ของ ปตท.สผ.จะช่วยทดแทนการนำเข้า LNG