xs
xsm
sm
md
lg

สนค.ชี้เป้าผลิต-ส่งออกอาหารเพื่อสุขภาพ ป้อนตลาดสังคมสูงวัยเติบโต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สนค.ศึกษาการเติบโตของสังคมสูงวัยทั่วโลก พบมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ปี 73 จะมีคนอายุเกิน 60 ปี 1,400 ล้านคน ปี 93 มี 2,100 ล้านคน ส่วนไทยปี 67 มีจำนวน 9.41 ล้านคน ชี้เป็นโอกาสในการผลิตและส่งออกสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพไปขาย แนะศึกษากฎระเบียบ วางกลยุทธ์ในการขายให้เหมาะสมต่อกลุ่มเป้าหมาย

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค.ได้ศึกษาวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์การเติบโตของสังคมสูงวัยทั่วโลก พบว่า มีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุว่าผู้คนทั่วโลกมีอายุยืนยาวขึ้น มีความเป็นไปได้ว่าคนส่วนใหญ่จะมีอายุจนถึง 60 ปีขึ้นไป และภายในปี 2573 (2030) หนึ่งในหกของประชากรโลก ประมาณ 1,400 ล้านคน จะมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และภายในปี 2593 (2050) ประชากรโลกที่อายุ 60 ปีขึ้นไป จะมีจำนวนประมาณ 2,100 ล้านคน และในส่วนของไทย ข้อมูลจากกรมการปกครอง ระบุว่า ในปี 2567 ผู้สูงอายุไทยที่อายุ 65 ปีขึ้นไป มีจำนวน 9.41 ล้านคน คิดเป็น 14.3% ของประชากรไทยทั้งหมด 65.95 ล้านคน

โดยผลจากการที่มีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพและการเกษตรมูลค่าสูง เพราะจะมีความต้องการอาหารสำหรับผู้สูงอายุมากขึ้น โดยอาหารต้องสอดคล้องตามข้อจำกัดทางสรีรวิทยาที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น แม้ว่าร่างกายจะมีการเผาผลาญพลังงานที่ลดลงและต้องการแคลอรี่น้อยลง แต่ก็ยังต้องการสารอาหารครบถ้วนโดยเฉพาะโปรตีน เพื่อชะลอการสูญเสียกล้ามเนื้อ และต้องคำนึงถึงโรคประจำตัวของผู้สูงอายุด้วย เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน รวมถึงปัญหาการกินได้น้อยลงหรือเบื่ออาหาร ปัญหาการบดเคี้ยวและการกลืน ตลอดจนการรับรู้รสชาติที่เปลี่ยนไป
สำหรับตัวอย่างอาหารที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ เช่น อาหารพร้อมทาน อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน และอาหารหรือเครื่องดื่มสูตรพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ ทำให้ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มผู้บริโภคผู้สูงอายุ

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Euromonitor บริษัทวิจัยตลาดระดับโลก พบว่า ในปี 2567 ตลาดค้าปลีกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินของโลก มีมูลค่า 136,378.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.0% โดยมีแนวโน้มอัตราการเติบโตเฉลี่ย 3.4% ต่อปี (ปี 2563–2567) ตลาดที่มีมูลค่าค้าปลีกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูงสุดอันดับต้น ๆ ของโลก ได้แก่ สหรัฐฯ 38,346.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มเฉลี่ย 3% ต่อปี จีน 32,281.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มเฉลี่ย 6.6% ต่อปี สหภาพยุโรป 15,428.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 5.8% ต่อปี และญี่ปุ่น 8,607.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 1.3% ต่อปี และไทย 2,487.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มเฉลี่ย 7.7% ต่อปี

ส่วนสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทย ในปี 2567 ไทยขาดดุลการค้าสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามิน มูลค่า 554.7 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยนำเข้าและส่งออกเป็นมูลค่า 606.6 และ 51.9 ล้านเหรียญสหรัฐตามลำดับ โดยสินค้านำเข้า เช่น อาหารเสริมและพรีมิกซ์สำหรับเสริมคุณค่าอาหาร ของผสมกับอาหารหรือสารอื่น ๆ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ วิตามิน และโปรตีนเข้มข้น โดยสินค้าที่ไทยมีแนวโน้มนำเข้าเพิ่มขึ้นมาก เช่น วิตามินอี เพิ่ม 50.8% วิตามินซี เพิ่ม 40.4% และวิตามินบี 1 เพิ่ม 35.0% ส่วนสินค้าส่งออก เช่น อาหารเสริมและพรีมิกซ์สำหรับเสริมคุณค่าอาหาร ของผสมกับอาหารหรือสารอื่น ๆ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และโปรตีนเข้มข้น

“การเติบโตของประชากรผู้สูงอายุ ทำให้เห็นโอกาสของอาหารเพื่อสุขภาพและการเกษตรมูลค่าสูง ซึ่งการพัฒนาสินค้าดังกล่าว นอกจากจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุแล้ว ยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคเกษตรไทย ส่งเสริมความยั่งยืนของระบบอาหารของประเทศ โดยการขยายไปตลาดต่างประเทศนั้น ผู้ประกอบการไทยต้องศึกษากฎระเบียบของแต่ละประเทศอย่างละเอียด และวางกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมต่อกลุ่มเป้าหมาย ตัวอย่างกลยุทธ์สำหรับการตลาดในประเทศไทย เช่น หากจะเจาะกลุ่มผู้สูงอายุชายที่ยังทำงานควรมุ่งประเด็นการเสริมสร้างสุขภาพเพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน และหากเจาะกลุ่มผู้สูงอายุหญิงควรสื่อสารผ่านบุตรหลานที่เป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่าย เป็นต้น”นายพูนพงษ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น