xs
xsm
sm
md
lg

สนค.ชงข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 4 ด้าน ยกระดับโคเนื้อ-โคนมไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สนค.จัดสัมมนาเผยแพร่โครงการศึกษาเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายการสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งทางการค้าสินค้าปศุสัตว์ (โคเนื้อและโคนม) ชงข้อเสนอแนะ 4 ด้าน ยกระดับการเลี้ยง สร้างความเข้มแข็งด้านราคา นำเทคโนโลยีมาใช้ และส่งเสริมด้านตลาด เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมในระยะยาว

น.ส.ณัฐิยา สุจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาเผยแพร่ “โครงการศึกษาเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายการสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งทางการค้าสินค้าปศุสัตว์ (โคเนื้อและโคนม)” ว่า สนค. ได้ดำเนินโครงการศึกษา โดยมุ่งวิเคราะห์เชิงลึกถึงสถานการณ์ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของอุตสาหกรรมโคเนื้อและโคนมไทยในทุกมิติ ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ มีเป้าหมายเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายที่สามารถนำไปใช้จริงในการผลักดันให้อุตสาหกรรมโคของไทยเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดยผลการศึกษา มีข้อเสนอแนะ 4 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ 1.การสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งด้านการผลิต มุ่งเน้นยกระดับประสิทธิภาพการเลี้ยงและลดต้นทุน 2.การสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งด้านราคา ส่งเสริมกลไกราคาที่เป็นธรรมและลดความผันผวน 3.การสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งด้านเทคโนโลยี ผลักดันการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน และ 4.การสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งทางด้านการตลาด โดยขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน รวมทั้งมีแนวทางสนับสนุนอุตสาหกรรมต่อเนื่องเพื่อให้เชื่อมโยงและพัฒนาได้อย่างครบวงจร ต่อยอดสู่ความยั่งยืนของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ในระยะยาว


ทั้งนี้ ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา การค้าสินค้าปศุสัตว์ของโลกและไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยในปี 2567 ความต้องการบริโภคเนื้อโคของโลก อยู่ที่ 59.55 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีความต้องการ 56.05 ล้านตัน (ข้อมูลจาก USDA)

สำหรับไทยยังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญหลายประการ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมโคเนื้อที่ประสบปัญหาด้านราคา ความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการฟาร์ม โรคระบาดเมืองร้อน ต้นทุนการผลิตสูง การแข่งขันกับเนื้อโคนำเข้า การปรับการผลิตเป็นระบบอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ ขณะที่อุตสาหกรรมโคนม ก็ประสบปัญหาไม่ต่างกัน ด้วยต้นทุนการผลิตสูง และฟาร์มรายย่อยต้องปรับตัวให้แข่งขันได้ในระยะยาว ส่งผลให้ทั้งสองอุตสาหกรรมควรเพิ่มศักยภาพและสร้างเสถียรภาพในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก เพื่อตอบโจทย์เหล่านี้

ในช่วงครึ่งปี 2568 (ม.ค.-มิ.ย.) ไทยมีการนำเข้าเนื้อโคสด แช่เย็น และแช่แข็ง ปริมาณ 16,496.6 ตัน มูลค่า 5,200.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.6% โดยแหล่งนำเข้าสำคัญ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น ส่วนสินค้านมและผลิตภัณฑ์ (นม ครีม โยเกิร์ต บัตเตอร์มิลค์ เวย์ เนย ชีส และเคิร์ด) ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของอาเซียน ครึ่งปี 2568 ส่งออก 138,799.1 ตัน มูลค่า 6,451.0 ล้านบาท ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ สินค้าส่งออกสำคัญ คือ สินค้ากลุ่มโยเกิร์ตและบัตเตอร์มิลค์ รองลงมา คือ นมและครีมที่ไม่ทำให้เข้มข้นและไม่เติมความหวาน และนำเข้า 165,408.9 ตัน มูลค่า 18,291.9 ล้านบาท แหล่งนำเข้าสำคัญ ได้แก่ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ สินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้า คือ นมและครีมที่ทำให้เข้มข้นหรือเติมความหวาน รวมถึงนมผง รองลงมา คือ สินค้ากลุ่มชีสและเคิร์ด


กำลังโหลดความคิดเห็น