“สุชาติ” สั่งการกรมการค้าภายในประสานผู้ผลิต ห้างค้าปลีกค้าส่ง เร่งกระจายสินค้า เติมสต๊อกสินค้าที่มีความจำเป็นและความต้องการสูงในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่าให้ขาด เผยผู้ประกอบการยืนยันกระจายได้ทั่วถึง ขายราคาเดิม พร้อมขอความร่วมมือเตรียมสินค้าสำหรับหน่วยงานหรือประชาชนที่ต้องการซื้อสินค้าไปบริจาคด้วย ย้ำตรวจสอบต่อเนื่อง หากพบกักตุน โก่งราคา เล่นงานเด็ดขาด
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิด และสั่งการให้ประสานห้างค้าปลีกค้าส่ง เร่งกระจายสินค้า เร่งเติมสต๊อกสินค้า และดูแลราคาสินค้าอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน และห้ามไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือกักตุนสินค้าโดยเด็ดขาด เพราะขณะนี้มีประชาชนจำนวนมากที่อพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวในหลายพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยติดเตียง จำเป็นต้องได้รับการดูแลเรื่องการเข้าถึงสินค้าจำเป็นอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากกรมการค้าภายในว่าได้ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการห้างค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ ได้แก่ ซีพี แอ็กซ์ตร้า (แม็คโคร โลตัส โกเฟรช) บิ๊กซี เซเว่นอีเลฟเว่น ซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ต และท็อปส์ เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนการจัดส่งสินค้าแล้ว โดยผู้ประกอบการยืนยันว่าสามารถกระจายสินค้าไปยังสาขาใกล้เคียงและศูนย์พักพิงได้ต่อเนื่อง และยังจำหน่ายในราคาปกติ ไม่มีการปรับขึ้นแต่อย่างใด
สำหรับสินค้าที่มีความจำเป็นและมีความต้องการสูงในขณะนี้ ได้แก่ น้ำดื่ม อาหารพร้อมรับประทาน ยากันยุง ยาทาแก้คัน ผ้าอนามัย ผ้าอ้อมเด็ก ยาสามัญประจำบ้าน หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ล้างมือ ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย เครื่องนอนชั่วคราว เสื้อผ้า ผ้าห่ม และของใช้จำเป็นต่างๆ
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้ประสานไปยังผู้ประกอบการให้เตรียมสต๊อกสินค้าสำหรับหน่วยงานและประชาชนที่ต้องการจัดซื้อเพื่อบริจาคให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนด้วย
“ผมขอขอบคุณผู้ประกอบการทุกรายที่ร่วมมืออย่างดีในการดูแลพี่น้องประชาชนในช่วงสถานการณ์วิกฤต ขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันทำให้สินค้ามีเพียงพอ จำหน่ายในราคาที่เหมาะสม และเข้าถึงได้ทุกพื้นที่” นายสุชาติกล่าว
ขณะเดียวกัน ได้เน้นย้ำให้กรมการค้าภายในทำงานร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้า และลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด หากพบการกระทำผิด เช่น กักตุน หรือปรับขึ้นราคาโดยไม่มีเหตุสมควร จะดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาด