xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” เผยใช้ FTA ส่งออก 4 เดือน ปี 68 เพิ่ม 13.46% อาเซียนนำโด่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมการค้าต่างประเทศเผยการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ช่วง 4 เดือน ปี 68 มีมูลค่า 28,834.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 13.46% อาเซียนยังนำโด่ง ตามด้วยอาเซียน-จีน อาเซียน-อินเดีย ไทย-ญี่ปุ่น และไทย-ออสเตรเลีย ส่วนยานยนต์ใช้สิทธิ์สูงสุด ยันเดินหน้าผลักดันผู้ประกอบการใช้ FTA เปิดตลาดต่อเนื่อง กำหนดการล่าสุดเตรียมลุย จ.ลำพูน และชลบุรี

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในช่วง 4 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) มีมูลค่ารวม 28,834.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.46% คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 79.45% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ได้รับสิทธิ์ทั้งหมด โดย 5 อันดับแรกเป็นการส่งออกไปยังอาเซียนภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) สูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 10,259.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิ์ 66.34% รองลงมาคือ ความตกลงอาเซียน-จีน (ACFTA) มูลค่า 7,032.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 91.02% ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) มูลค่า 4,475.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 84.29% ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) มูลค่า 2,062.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 75.57% และความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 1,850.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 59.39%

สำหรับสินค้า 5 อันดับแรกที่มีการใช้สิทธิ์ FTA ส่งออกมากที่สุด ได้แก่ 1. ยานยนต์สำหรับขนส่งของอื่นๆ (ที่มีเครื่องดีเซล หรือกึ่งดีเซล) น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน มูลค่า 2,112.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 2. แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) กึ่งสำเร็จรูปหรือเป็นผง มูลค่า 1,655.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 3. ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ มูลค่า 1,138.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 4. ทุเรียนสด มูลค่า 955.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 5. แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) กึ่งสำเร็จรูปหรือเป็นผงอื่นๆ มูลค่า 760.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์ FTA สูง 5 อันดับแรก ได้แก่ ทุเรียนสด น้ำตาลที่ได้จากอ้อย ไก่ที่ปรุงแต่ง เนื้อของสัตว์ปีกเลี้ยงแช่เย็นจนแข็ง และผลไม้สด (เงาะ ลำไย ทับทิมสด) มูลค่ารวม 6,898.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 23.92% ของมูลค่าการใช้สิทธิ์ทั้งหมด และสินค้าอุตสาหกรรม 5 อันดับแรก ได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของ แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) กึ่งสำเร็จรูปหรือเป็นผง ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) กึ่งสำเร็จรูปหรือเป็นผงอื่น ๆ และเครื่องปรับอากาศชนิดติดผนังหรือติดเพดาน มูลค่ารวม 21,936.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 76.08% ของมูลค่าการใช้สิทธิ์ทั้งหมด

ทั้งนี้ จาก FTA ทั้งหมด 12 ฉบับ ที่พบว่ามีการใช้สิทธิ์เพิ่มขึ้นรวม 5 ฉบับ ได้แก่ 1. ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (ส่งออกไปอินเดีย) เพิ่มขึ้น 159.18% 2. ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เพิ่มขึ้น 23.59% 3. ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน เพิ่มขึ้น 8.39% 4. ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ส่งออกไปจีน) เพิ่มขึ้น 4.91% 5. ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี (ส่งออกไปเกาหลี) เพิ่มขึ้น 3.86% ซึ่งการใช้สิทธิ์ FTA ที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด เป็นผลมาจากภาพรวมการส่งออกของไทยเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2567 จาก 93,904.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 106,789.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568

นางอารดากล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการค้าและขยายโอกาสทางการค้าให้ผู้ประกอบการไทย มุ่งเน้นการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA โดยกรมมีกำหนดจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการภายใต้โครงการส่งเสริม SMEs ให้แข่งขันได้ในตลาดสากล รวมทั้งหมด 10 ครั้ง จัดไปแล้ว 8 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ระยอง สงขลา พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี นครพนม นครราชสีมา และบุรีรัมย์ เพื่อแนะนำเทคนิคการต่อยอดธุรกิจด้วย FTA การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA และผลักดันให้ใช้ FTA สร้างแต้มต่อในการส่งออก และลดภาษีนำเข้า ส่วนครั้งที่ 9 และ 10 กำหนดจัดที่ จ.ลำพูนและชลบุรี ในเดือน ก.ค.และ ส.ค. 2568

นอกจากนี้ ยังได้แนะนำการเตรียมการใช้ประโยชน์จาก FTA ฉบับใหม่ที่ไทยทำกับประเทศคู่ค้า ไม่ว่าจะเป็นไทย-ศรีลังกา ไทย-สมาคมการค้าเสรียุโรป (เอฟตา) ไทย-ภูฏาน ที่จะช่วยขยายตลาดการส่งออกใหม่ๆ และลดการพึ่งพาตลาดเดียวในการส่งออกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น