คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เตรียมนัดประชุมเร็ว ๆ นี้ เคาะมาตรการช่วยเหลือข้าวเปลือกนาปรัง ปี 68 และข้าวนาปี 2568/69 เผยโครงการช่วยเหลือไร่ละพัน ล่าสุดลงทะเบียนทะลุ 8 แสนราย เกินงบที่ตั้งไว้ ต้องรอ “เกษตร” สรุปสุดท้ายเท่าใด ก่อนเคาะอนุมัติ ส่วนนาปี ชง 4 มาตรการหลักดันราคา แย้มอาจพิจารณามาตรการอื่นเพิ่มเติม หลังคาดราคานาปีอาจวูบหนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เร็ว ๆ นี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เพื่อพิจารณาแนวทางและมาตรการดูแลข้าวเปลือก ทั้งข้าวนาปรังที่ออกไปแล้ว และข้าวนาปีที่ผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.2568 เป็นต้นไป ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตสูงขึ้น และราคาลดลง เนื่องจากไทยส่งออกข้าวได้น้อยลง ทั้งด้านปริมาณและราคา หลังอินเดีย ผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลกกลับมาส่งออกอีกครั้ง
สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปี 2568 ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ ขณะนี้กรมส่งเสริมการเกษตร ได้เปิดให้เกษตรกรมาลงทะเบียนผู้ปลูกข้าวนาปรังปี 2568 เสร็จสิ้นไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.2568 ปรากฏว่ามีเกษตรกรมาลงทะเบียนกว่า 8 แสนครัวเรือน สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีผู้ปลูกข้าวนาปรังเพียง 3 แสนครัวเรือน ส่งผลให้งบประมาณในการจ่ายช่วยเหลือที่ นบข. เคยอนุมัติไว้ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เดือน ก.พ.2568 วงเงิน 2,867 ล้านบาท ไม่เพียงพอ เพราะจากยอดลงทะเบียนใหม่ อาจใช้เงินสูงกว่าเดิม 2-3 เท่าตัว
ทั้งนี้ จะต้องรอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นประธานคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ด้านการผลิต และดูแลการลงทะเบียน ทำการตรวจสอบคุณสมบัติเกษตรกรอีกครั้งว่าถูกต้องหรือไม่ และสุดท้ายสรุปเหลือกี่ราย ก่อนเสนอให้ นบข. ตัดสินใจอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือ หากมีจำนวนสูงกว่างบประมาณเดิมที่เหลือจากโครงการข้าวนาปี 2567 ประมาณ 4 พันล้านบาท ก็ต้องหางบประมาณมาใช้เพิ่มเติม
ส่วนมาตรการช่วยเหลือข้าวนาปี 2568/69 ที่จะทยอยออกตั้งแต่เดือน ต.ค.2568 นั้น จะมีการเสนอมาตรการดูแลราคาข้าวเปลือก ได้แก่ 1.สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี เพื่อให้เกษตรกรเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางรอการขายในช่วงที่ผลผลิตออกน้อย เพื่อให้ขายได้ราคาสูงขึ้น 2.มาตรการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร 3.การชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก เพื่อรอการขาย และ 4.การจัดตลาดนัดข้าวเปลือก เพื่อเพิ่มช่องทางในการขายข้าวให้กับเกษตรกร
อย่างไรก็ตาม ในการประชุม นบข. มีประเด็นที่ต้องจับตา คือ การพิจารณามาตรการพยุงราคาข้าวเปลือกนาปี 2568/69 ตามข้อเสนอของคณะกรรมาธิการ และ สส. ที่อยากให้นำนโยบายประกันรายได้ข้าวเปลือก หรือมาตรการพยุงราคาอื่นที่เหมาะสมกลับมาใช้ เพื่อรองรับปริมาณข้าวที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดมาก และราคาจะตกลงจากปีก่อนอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันราคาข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ตันละ 7,400-7,500 บาท ต่ำกว่าปีที่แล้วสูงเกิน 10,000 บาท
ทางด้านการส่งออกข้าวไทย เดือน พ.ค.2568 ส่งออกปริมาณ 656,952.2 ตัน ลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่า 396 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 9.9% ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-พ.ค.) ไทยส่งออกข้าวได้แล้ว 3 ล้านตัน ลดลง 25.7% มูลค่า 1,878 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 30.1%