“สุริยะ” เข็นโปรเจกต์ "คมนาคม" ชง ครม.เคาะเพิ่มงบ "สายสีแดง" และเปิด PPP คลังสินค้า รายที่ 2 "สุวรรณภูมิ" ดันต่อคิวบรรจุวาระอีก 4 โครงการ พร้อมเร่งเบิกจ่ายงบปี 68 มั่นใจ ก.ย.ทำได้ 100% เร่งไฮสปีดไทย-จีนเฟสแรกยังล่าช้ากว่าแผน ส่วนเฟส 2 TOR แบ่งประมูล 8 สัญญา
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามผลการดำเนินงานโครงการสำคัญ ตามนโยบาย ครั้งที่ 2/2568 วันที่ 9 มิถุนายน 2568 ว่า ได้ติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 ในส่วนงบรายจ่ายลงทุนจำนวน 212,213.68 ล้านบาท ผลการเบิกจ่ายด้านการลงทุน ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ 93,000.54 ล้านบาท หรือ 43.82% ซึ่งยังล่าช้ากว่าแผนประมาณ 8.96% สำหรับการลงนามในสัญญารายการผูกพันใหม่ 326 รายการ วงเงิน 24,184.65 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม2568 ลงนามในสัญญาแล้ว 86 สัญญา วงเงิน 1,311.37 ล้านบาท โดยภายหลังการปรับแผนในเดือนมิถุนายน 2568 จะลงนามในสัญญาได้ 79.45% และจะลงนามได้ 100% ภายในเดือนสิงหาคม 2568
ส่วนภาพรวมการเบิกจ่ายเงินกันเหลื่อมปี 2567 ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 วงเงิน 47,373.50 ล้านบาท ขณะนี้กระทรวงคมนาคมเบิกจ่ายสะสมรวม 40,593.25 ล้านบาท หรือ 85.69%
“การเบิกจ่ายตอนนี้อาจจะดูตัวเลขล่าช้ากว่าแผน เนื่องจากงานสัญญาปีเดียวระยะสั้น ซึ่งมีจำนวนมากได้ประมูลแล้วผูกพันแล้ว แต่ผู้รับเหมาส่วนใหญ่จะดำเนินการไปก่อนและรอเบิกจ่ายเงินงวดเดียว ดังนั้นยอดเบิกจ่ายเงินจึงยังไม่แสดงออกมา รวมกับงานสัญญาผูกพันใหม่ ที่ประมูลเสร็จแล้วรอกระบวนการอนุมัติและลงนามสัญญาจะเกิดการเบิกจ่ายงวดแรก 15 % ซึ่งจะเริ่มในช่วง มิ.ย.เป็นต้นไป ทั้งนี้มั่นใจว่ากระทรวงคมนาคมจะเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานได้ 100% ภายในสิ้นปีงบประมาณ 30 ก.ย. 2568 สูงกว่าเป้าหมายรัฐบาลตั้งไว้ที่ 80% เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งได้กำชับทุกหน่วยงานให้ดำเนินการทุกโครงการอย่างเคร่งครัด และต้องมีความโปร่งใสทุกกระบวนการ”
@ ชง ครม.เคาะเพิ่มงบ "สายสีแดง" และเปิด PPP คลังสินค้ารายที่ 2 "สุวรรณภูมิ"
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมมีโครงการที่อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา ในวันที่ 10 มิ.ย. 2568 จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ 1. การขยายกรอบวงเงินรถไฟสายสีแดง ประกอบด้วย สัญญาที่ 1 (งานโยธา สำหรับสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง) ตามคำสั่งศาลปกครอง ค่างานเพิ่มเติม (VO) และสัญญาที่ 2 และ 3 ที่เป็นค่างานที่เพิ่ม รวมประมาณ 8,700 ล้านบาท ทำให้กรอบวงเงินโครงการรวมเพิ่มจาก 96,868 ล้านบาท เป็น 104,445 ล้านบาท
2. โครงการให้บริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 2 ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) หรือ AOT (ทอท.) โดยเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการในรูปแบบ PPP Net Cost มูลค่าของโครงการรวม 15,253 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่เสนอไปรอบรรจุวาระแล้ว ได้แก่ 1. โครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร (กม.) รวมประมาณ 16,759 ล้านบาท 2.โครงการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศ EV จำนวน 1,520 คัน เงินลงทุน 15,355 ล้านบาท 3.การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและขออนุมัติรวมโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา และสถานีเพิ่มเติม 3 สถานี (สถานีสะพานพระราม 6 สถานีบางกรวย-กฟผ. และสถานีบ้านฉิมพลี) และโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช เข้าด้วยกัน ระยะทางรวม 20.5 กม. วงเงินโครงการ 15,176.21 ล้านบาท เพื่อดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นสัญญาเดียว 4. ขออนุมัติจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) โดยกำหนดให้นำชิ้นส่วนภายในประเทศและต่างประเทศมาประกอบภายในประเทศ 946 คัน วงเงิน 2,459.97 ล้านบาท
และโครงการที่อยู่ระหว่างสอบถามความเห็นหน่วยงาน ได้แก่ 1. โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันออก หรือโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ระยะที่ 1 (ตอน N2) เดิม ระยะทางประมาณ 11.3 กิโลเมตร มูลค่า ประมาณ 16,960 ล้านบาท 2. โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ช่วงบางบัวทอง-บางปะอิน (M9) ระยะทาง 35 กิโลเมต วงเงิน 15,862 ล้านบาท 3. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทางรวม1,310.84 กม. วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 297,926 ล้านบาท
4. ขอความเห็นชอบโครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศใหม่ สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ 184 คัน พร้อมอะไหล่ วงเงินรวมทั้งสิ้น 24,150 ล้านบาท 5.ขอความเห็นชอบให้ดำเนินการโครงการจัดหารถโดยสารทดแทนรถด่วนพิเศษและรถด่วน 182 คัน พร้อมอะไหล่ วงเงินรวมทั้งสิ้น 10,502 ล้านบาท และ 6. ขอความเห็นชอบให้ดำเนินโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า พร้อมอะไหล่ ขนาดน้ำหนักกดเพลา 20 ตันต่อเพลา จำนวน 113 คัน วงเงินประมาณ 23,730 ล้านบาท
@เร่งไฮสปีดไทย-จีนเฟสแรกยังล่าช้ากว่าแผน-ส่วนเฟส 2 เคาะ TOR แบ่งโยธา 7 สัญญา ระบบ 1 สัญญา
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ - หนองคาย ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ระยะทาง 250 กม. วงเงิน 179,412.21 ล้านบาท ณ วันที่ 25 เมษายน 2568 การก่อสร้างงานโยธามีผลงานสะสม 43.79% ล่าช้ากว่าแผน 13.40% โดยสัญญาที่ 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.2 กม. มีโครงสร้างร่วมกับโครงการรถไฟเชื่อมสามสนามบิน ที่อยู่ระหว่างรอแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯ กับ บ.เอเชีย เอรา วัณ และสัญญา 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.3 กม. ขณะนี้เรื่องมรดกโลกได้ข้อสรุปแล้ว เตรียมลงนามสัญญาก่อสร้างกับ บริษัท บุญชัยพาณิชย์ (1979)
ส่วนงานระบบราง ระบบไฟฟ้า และเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร วงเงิน 50,633.50 ล้านบาท มีความคืบหน้า 0.95% ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการส่งมอบพื้นที่จากงานโยธา เพื่อเข้าดำเนินการต่อไป
ส่วนโครงการระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357.12 กม. มูลค่า 341,351.42 ล้านบาท อยู่ระหว่างเตรียมเอกสารประกวดราคา โดยจะแบ่งสัญญาออกเป็นงานโยธา 7 สัญญา และงานระบบ 1 สัญญา