BGRIM ผนึกดิจิทัล เอดจ์ทุ่มเงิน 2.45 หมื่นล้านบาทพัฒนาดาต้า เซ็นเตอร์ ในอีอีซี ขนาด 96 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น 2เฟส เฟสละ 48 เมกะวัตต์ เริ่ม COD ไตรมาส 4/69 วางเป้า 5 ปีขยาย “ดาต้า เซ็นเตอร์” เป็น 300 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 80,000-100,000 ล้านบาท รองรับลูกค้าไฮเปอร์สเกล AI และคลาวด์
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า BGRIM ร่วมลงทุนกับบริษัท ดิจิทัล เอดจ์ (สิงคโปร์) โฮลดิ้งส์ จำกัด (ดิจิทัล เอดจ์) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดาต้าเซ็นเตอร์ชั้นนำในเอเชียภายใต้ Digital Edge B.Grimm (TH) Holding Pte. Ltd, เพื่อพัฒนาศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ไฮเปอร์สเกลและรองรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั่วไทย เบื้องต้นมีขนาด 96 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุน 24,520 ล้านบาท ตั้งในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับผู้ให้บริการ AI และคลาวด์ที่ต้องการขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โครงการร่วมทุนดังกล่าว BGRIM ถือหุ้น 40% และดิจิทัล เอดจ์ ถือหุ้น 60% โดยจะเริ่มโครงการด้วย 96 เมกะวัตต์ และมีแผนขยายความร่วมมือเพิ่มเป็น 300 เมกะวัตต์ในอีก 5 ปีข้างหน้า คาดใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 80,000-100,000 ล้านบาท
สำหรับการพัฒนาโครงการดาต้า เซ็นเตอร์ขนาด 96 เมกะวัตต์ จะแบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกจะมีกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 16,000 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จ (COD) ภายในไตรมาส 4 ปี 2569 ส่วนเงินลงทุนที่เหลือจะใช้สำหรับเฟสสองอีก 48 เมกะวัตต์ กำหนด COD ภายในปี 2571 โครงการนี้จะสร้างรายได้เต็มปีในปี 2572 ประมาณ 3,400-4,000 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น EBITDA ประมาณ 2,500 ล้านบาท หากคิดเป็นส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ BGRIM ถือหุ้น 40% จะอยู่ที่ประมาณ 250-500 ล้านบาท
แหล่งเงินลงทุนโครงการดาต้า เซ็นเตอร์จะมาจากเงินกู้โครงการ 70% ส่วนอีก 30% จะมาจากเงินส่วนทุนของผู้ถือหุ้น ซึ่ง BGRIM ถือหุ้น 40% หรือคิดเป็นประมาณ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนสำหรับเฟสแรก 2,000 ล้านบาท และเฟสสองอีก 1,000 ล้านบาท ส่วนเงินลงทุนที่เหลือจะมาจาก ดิจิทัล เอดจ์
สำหรับไฟฟ้าที่ใช้ในโครงการดาต้า เซ็นเตอร์มาจากระบบการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นหลัก เนื่องจากลูกค้าดาต้า เซ็นเตอร์ ต้องการไฟฟ้าที่มั่นคง มีเสถียรภาพ หลังจากนั้นเมื่อมีการขยายโครงการดาต้า เซ็นเตอร์ต่อไป จะจัดหาจากพลังงานหมุนเวียนควบคู่กับไฟฟ้าจาก กฟภ. ขณะที่ความร่วมมือกับดิจิทัล เอดจ์ ในครั้งนี้ ทาง BGRIM จะทำหน้าที่ในการจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสม การขอใบอนุญาตต่างๆ รวมทั้งด้านบุคลากร ขณะที่ทางดิจิทัล เอดจ์ จะทำหน้าที่ออกแบบ รวมถึงการหาลูกค้าระดับไฮเปอร์สเกล โดยบริษัทมีแผนเร่งก่อสร้างเพื่อรองรับความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ต้องการขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตั้งเป้าเปิดให้บริการภายในปลายปีหน้า
สำหรับตลาดโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทย มองว่ากำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีการบริโภคข้อมูล การใช้บริการคลาวด์ และการประมวลผล AI /แมชชีนเลิร์นนิ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายงานอุตสาหกรรมล่าสุดคาดการณ์ว่าตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของไทยจะเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 25% ต่อปีจนถึงปี 2573 ขณะที่ความต้องการด้าน AI จะเป็นตัวเร่งสำคัญในการผลักดันความต้องการศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ที่สามารถขยายตัวได้และมีประสิทธิภาพด้านพลังงาน รัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์การลงทุนกว่า 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลในภูมิภาค
นายจอห์น ฟรีแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ดิจิทัล เอดจ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดดิจิทัลที่มีศักยภาพสูงสุดในเอเชีย การร่วมมือกับ บี.กริม เพาเวอร์ ในโครงการสำคัญนี้ บริษัทกำลังนำโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดมาสู่ไทย ในขนาดไฮเปอร์สเกลและความเร็วที่เร่งรัด ซึ่งจะช่วยรองรับความต้องการด้าน AI และแมชชีนเลิร์นนิ่งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของไทย
ดิจิทัล เอดจ์ เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดาต้าเซ็นเตอร์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพด้านพลังงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ที่เปิดดำเนินการและอยู่ระหว่างก่อสร้างรวม 24 แห่ง ครอบคลุม 9 ประเทศ และมีกำลังไฟฟ้าสำรองกว่า 1.1 กิกะวัตต์