อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป ตั้งเป้ายอดขายปี68/69ใกล้เคียงปีก่อนอยู่ที่ 13,800-14,000 ล้านบาท เหตุเศรษฐกิจโลกชะลอตัว พิษสงครามการค้ารุนแรง บริษัทวางแผนรับมือเร่งลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ตั้งงบลงทุนปีนี้ 483 ล้านบาท เมินการลงทุนโครงการใหม่ ยันนโยบายภาษีทรัมป์กระทบบริษัทไม่มาก มีการส่งออกฉนวนยางไปตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสินค้ากึ่งสำเร็จรูป คิดเป็นต้นทุนไม่สูงมาก
นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า ในปี2568เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายภาษีของสหรัฐฯนำไปสู่สงครามการค้า ในขณะที่เศรษฐกิจไทยพึ่งพาการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน อีกทั้งเผชิญกับความเสี่ยงจากปัจจัยภายในและภายนอก ทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูง
ดังนั้นในปีบัญชี 2568/69 (เม.ย.68-มี.ค.69) บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายใกล้เคียงปีที่แล้วหรือโตขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 13,800 14,000 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 30 - 33% พร้อมเข้มงวดการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมากขึ้น โดยใช้จุดแข็งด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ควบคู่กับการบริหารสภาพคล่องและถือเงินสดไว้เพื่อรองรับการดำเนินงาน และโอกาสในการเติบโตในอนาคต
สำหรับรายได้ของบริษัทในปีนี้มาจาก 3 กลุ่มธุรกิจ คือ ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 5% มาจากสินค้าฉนวนกันความร้อน/เย็น เกรดพรีเมี่ยม ที่มุ่งเน้นทำการตลาดภายในประเทศ/ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น รวมทั้งสินค้าเพื่อใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรม Ultra Low Temperature Insulation และระบบ Air Ducting system เน้นทำการตลาดมากขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกา โดยเมื่อเร็วๆ นี้ Aeroflex เปิดตัวนวัตกรรมสินค้า หลังคาเมทัลชีทติดฉนวนกันความร้อน AERO-ROOF ซึ่งพัฒนาร่วมกับพันธมิตรเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าในภาคก่อสร้างที่ให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานและมาตรฐานอาคารเขียว
ตามที่สหรัฐอเมริกาเร่งผลักดันนโยบายการย้ายฐานการผลิตกลับประเทศ (reshoring) ควบคู่กับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ เช่น โครงการ Stargate และความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับประเทศในตะวันออกกลาง ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนไหลกลับเข้าสู่เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ของ Aeroflex USA Ins. บริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกาด้วยสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งภาครัฐและเอกชน
ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas คาดว่ายอดขายจะปรับตัวลดลง 5% สอดคล้องอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่ชะลอตัว โดย Aeroklas ยังคงเดินหน้าร่วมมือกับผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำเพื่อพัฒนาชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์น้ำหนักเบา ประหยัดพลังงาน สำหรับยานยนต์สันดาป (ICE) และยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP ตั้งเป้าหมายยอดขายใกล้เคียงกับปีบัญชีที่ผ่านมา โดยเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยช่วยลดต้นทุนโดยไม่กระทบต่อคุณภาพ อีกทั้ง EPP ใช้เครื่องจักรอัตโนมัติความเร็วสูงในกระบวนการผลิตเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการผลิตสูงสุด พร้อมยกระดับคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ และเดินหน้าพัฒนาทางเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากกระดาษ เพื่อรองรับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและกฎระเบียบที่เข้มงวดในตลาดต่างประเทศ
สำหรับธุรกิจร่วมทุนกลุ่มธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น และ ธุรกิจชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ทั้งในไทย อินเดีย และ จีน ชะลอการเติบโตตามกลุ่มอุตสาหกรรม
นายเฉลียว กล่าวต่อว่า บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในปีบัญชี 2568/69 รวม 483 ล้านบาท เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพิ่มเครื่องจักร และใช้ปรับปรุงไลน์การผลิต โดยปีนี้บริษัทไม่มีแผนร่วลงทุนโครงการใหม่ แต่เน้นรักษาสภาพคล่องทางการเงิน
ส่วนผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ นั้น บริษัทได้รับผลกระทบไม่มากเนื่องจากสินค้าที่ขายไปยังตลาดสหรัฐฯ คือฉนวนยาง เป็นสินค้ากึ่งสำเร็จรูปเพื่อผลิตต่อ คิดเป็นต้นทุนไม่มากนักเมื่อเทียบกับยอดขายทั้งหมด
