“ดอนเมืองโทลล์เวย์” แจ้งตลาดฯ ยื่นอนุญาโตตุลาการฟ้องกรมทางหลวง ชดเชยผลกระทบโควิดช่วงปี 63-65 เป็นเงิน 2.3 พันล้านบาท “สุริยะ” ยันต้องดำเนินการภายใต้ผลประโยชน์ของรัฐมากที่สุด
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) (DMT) หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ลงนามโดยนายศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ เรื่องการยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อใช้สิทธิและปฏิบัติตามสัญญาสัมปทานทางหลวงในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 ถนนวิภาวดีรังสิต ตอนดินแดง-ดอนเมือง (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) (‘สัญญาสัมปทาน”) ระหว่างกรมทางหลวงกับบริษัทฯ เพื่อให้กรมทางหลวงแก้ไขผลเสียต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ โดยยื่นคำเสนอข้อพิพาทวันที่ 27 พฤษภาคม 2568
โดยระบุว่า บริษัทฯ เป็นผู้รับสัมปทานทางหลวงในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) จากกรมทางหลวง รวม 2 ตอน ได้แก่ สัมปทานทางหลวงตอนดินแดง-ดอนเมือง และสัมปทานทางหลวงตอนดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน โดยระหว่างอายุสัญญาสัมปทานในปี 2563 ถึงปี 2565 ปรากฏการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร อันเป็นเหตุสุดวิสัยตามสัญญาสัมปทาน ส่งผลให้ปริมาณการจราจรที่ใช้ทางหลวงสัมปทานทางหลวงเดิมและทางหลวงสัมปทานตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสัญญาสัมปทานโดยแจ้งเหตุสุดวิสัยให้กรมทางหลวงทราบ
ต่อมา บริษัทฯ ซึ่งได้รับผลกระทบต่อฐานะทางการเงินอันเนื่องมาจากเหตุสุดวิสัยข้างต้น มีหนังสือขอให้กรมทางหลวงแก้ไขผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ตามหน้าที่ของบริษัทฯ และกรมทางหลวงซึ่งกำหนดไว้ในสัญญาสัมปทาน จากนั้น บริษัทฯ ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาอิสระเพื่อประเมินการสูญเสียปริมาณการจราจรและรายได้ค่าผ่านทางของทางหลวงสัมปทานทั้งสองตอน ในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 ระยะเวลาประมาณ 2 ปี 6 เดือน อันเป็นช่วงระยะเวลาที่มีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้น
ที่ปรึกษาอิสระได้พิจารณาแล้วประเมินว่าบริษัทฯ ได้สูญเสียปริมาณจราจรของทางหลวงสัมปทานทั้งสองตอนรวม 63,804,258 คัน คิดเป็นจำนวนเงินรายได้ค่าผ่านทางที่บริษัทฯ สูญเสียไปรวม 4,297,787,290 บาท และเมื่อหักค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่างๆ ที่อ้างอิงจากงบการเงินในอดีตของบริษัทฯ ส่งผลให้เกิดผลเสียต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ คิดเป็นจำนวนเงิน 2,307,899,050 บาท (มูลค่า ณ วันที่ 30 กันยายน 2565) โดยบริษัทฯ ได้มีหนังสือนำส่งรายงานการศึกษาของที่ปรึกษาอิสระต่อกรมทางหลวงแล้ว
จนถึงปัจจุบันบริษัทฯ ยังไม่ได้รับการเยียวยาชดเชยผลเสียต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ จากกรมทางหลวง ดังนั้น บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องใช้สิทธิยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรรม เพื่อใช้สิทธิตามสัญญาสัมปทานให้กรมทางหลวงแก้ไขผลเสียต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ
บริษัทฯ ได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นการดำเนินการชั้นแรกของการเริ่มกระบวนการพิจารณาข้อพิพาท ซึ่งต่อไปสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรมจะนำส่งสำเนาคำเสนอข้อพิพาทของบริษัทฯ ให้แก่กรมทางหลวง โดยกรมทางหลวงมีสิทธิยื่นคำคัดค้านได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำเสนอข้อพิพาทจากสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติยุติธรรม
ทั้งนี้ หากคณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดให้บริษัทฯ ชนะคดี บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับการเยียวยาชดเชยผลเสียต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ที่คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 2,307,899,050 บาท อย่างไรก็ตาม ผลของการพิจารณาข้อพิพาทดังกล่าวยังไม่มีความแน่นอน
หากสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม หรือคณะอนุญาโตตุลาการมีคำสั่งสำคัญหรือคำชี้ขาดเป็นประการใด บริษัทฯ จะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตนรับทราบจากข่าวที่ออกมาแต่ยังไม่ได้เรียกกรมทางหลวงมาชี้แจงรายละเอียด แต่โดยหลักการจะเน้นผลประโยชน์ภาครัฐที่สุด และดำเนินการต่อสู้ไปตามระเบียบข้อกฎหมายที่มี
บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการทางยกระดับอุตราภิมุข หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ประกาศปรับค่าผ่านทางครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 ตามข้อตกลงสัญญาสัมปทานทางหลวง ที่ได้มีการบันทึกข้อตกลงแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานฉบับที่ 3/2550 เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2550 ซึ่งเป็นการปรับในรอบระยะเวลาทุก 5 ปี จนหมดอายุสัญญาสัมปทานวันที่ 12 กันยายน 2577
โดยกรอบอัตราค่าผ่านทาง ระหว่างวันที่ 22 ธ.ค. 2567-21 ธ.ค. 2572 ปรับขึ้นอีก 5-10 บาท โดยช่วงดินแดง-ดอนเมือง รถ 4 ล้อ ปรับจาก 80 บาท เป็น 90 บาท มากกว่า 4 ล้อ จาก 110 บาท เป็น 120 บาท ช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน 4 ล้อ ปรับจาก 35 บาท เป็น 40 บาท มากกว่า 4 ล้อจาก 45 บาท เป็น 50 บาท
และช่วงขึ้นวันที่ 22 ธันวาคม 2572 จนสิ้นสุดอายุสัมปทาน ปี 2577 จะปรับดังนี้ ช่วงดินแดง-ดอนเมือง รถ 4 ล้อ จาก 90 บาท เป็น 100 บาท มากกว่า 4 ล้อ จาก 120 บาท เป็น 130 บาท ช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน รถ 4 ล้อ จาก 40 บาท เป็น 45 บาท มากกว่า 4 ล้อ ปรับจาก 50 บาท เป็น 55 บาท