xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.รับมือ ศก.ชะลอตัว เร่งแปลงสินทรัพย์เป็นทุนเพิ่ม EBITDA ปีนี้กว่า 2 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปตท.รับมือเศรษฐกิจถดถอย ตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA ปีนี้กว่า 2 หมื่นล้านบาท มาจากการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนราว 8 พันล้านบาท ลดค่าใช้จ่าย 1 หมื่นล้านบาท หนุนกระแสเงินสดเพิ่ม 1.5 หมื่นล้านบาท ยันปีนี้ได้ข้อสรุปพันธมิตรร่วมทุนกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า สถานการณ์พลังงานในปี 2568 ที่มีความผันผวนและเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มถดถอยจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นนโยบายขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลให้การใช้พลังงานและน้ำมันลดลงตามเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ปตท.จึงได้เตรียมแผนรับมือเศรษฐกิจถดถอยที่จะมีผลทำให้กำไรจากการดำเนินงานบริษัทลดลง โดยปตท.มีแผนเพิ่มกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นในปีนี้กว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากโครงการยกระดับผลกำไร เช่น การแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (Asset Monetization) ประมาณ 8,000 ล้านบาท, โครงการ MissionX-Operational Excellence ประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท, โครงการ Cost Saving ประมาณ 10,000 ล้านบาท, โครงการ P1 และ D1 ซึ่งเป็นการ Synergy ในกลุ่ม ปตท.อีก 2,000-3,000 ล้านบาท

การแปลงสินทรัพย์เป็นทุนจะมีการดำเนินการทั้งกลุ่ม ปตท. โดยนำสินทรัพย์ในกลุ่มปตท.มาพิจารณาว่าควรมีการตัดขายออกไปหรือนำมาต่อยอดโดยดึงพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน โดยปีนี้ตั้งเป้ากำไรจากโครงการดังกล่าวประมาณ 8,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกระแสเงินสดจากการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนเข้ามาเพิ่มจำนวน 15,000 ล้านบาท 


ส่วนความคืบหน้าการหาพันธมิตรร่วมทุนในกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าภายในปีนี้จะมีความชัดเจนใน Strategic Partner โดยยืนยันว่า ปตท.ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ เพื่อกำหนดทิศทางการทำธุรกิจของบริษัทในกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี ซึ่งเป็น Flagship ของ ปตท. ขณะเดียวกัน การดึงพันธมิตรใหม่ร่วมทุนเป็นการสร้างความเข้มแข็งทั้งด้านวัตถุดิบและการตลาดให้ด้วย ส่วนการหาพันธมิตรร่วมทุนในบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) นั้นก็มีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

บริษัทในกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีของ ปตท. ประกอบด้วย บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) บมจ.ไทยออยล์ (THAI) และ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC)

นายคงกระพันกล่าวว่า ปตท.ได้ดำเนินการเชิงรุกจัดตั้งวอร์รูม เตรียมแผนรับมือเศรษฐกิจถดถอยครอบคลุมการดำเนินงานใน 5 ด้าน ได้แก่ 1. Strategy ทบทวนกลยุทธ์เดิมพร้อมพิจารณาความท้าทายใหม่ที่จะเข้ามากระทบ พบว่ากลยุทธ์กลุ่ม ปตท.มาถูกทาง เหมาะสม สามารถรับมือกับปัจจัยภายนอกและความท้าทายจากเรื่องสงครามการค้าได้ เพียงแต่บางเรื่องต้องเร่งให้เร็วขึ้น เช่น การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับความร่วมมือภายในกลุ่ม ปตท.

2. Financial Management รักษาวินัยการเงิน บริหารต้นทุนการเงิน เสริมสภาพคล่องกระแสเงินสด รักษาระดับ Credit Rating 3. Supply Chain & Customer ดูแลคู่ค้า ลูกค้า เพื่อสร้างความต่อเนื่องตลอด Supply Chain พร้อมเร่งดำเนินโครงการสร้างมูลค่าเพิ่ม 4. Project Management ทบทวนความเป็นไปได้ของโครงการและการลงทุน โดยต้องพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ รวมถึงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (Asset Monetization) ของ flagship 5. Communication สื่อสารและสร้างความเข้าใจการดำเนินธุรกิจแก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างทั่วถึง


ด้านการดำเนินงานด้านความยั่งยืน กลุ่ม ปตท.ให้ความสำคัญต่อการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน สร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) รวมถึงพัฒนา CCS Hub Model เพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ปตท. ซึ่งจะเป็นต้นแบบสำคัญในการขยายผลเทคโนโลยี CCS ระดับประเทศในอนาคต

สำหรับการศึกษาด้านธุรกิจไฮโดรเจนในภาคอุตสาหกรรมปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือกับพันธมิตรทั้งในด้านการจัดหาไฮโดรเจนและแอมโมเนียคาร์บอนต่ำ และการประยุกต์ใช้ในภาคการผลิตไฟฟ้าเพื่อเป็นต้นแบบในการขยายผลเชิงธุรกิจ ตลอดจนสนับสนุนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan: PDP) ของประเทศไทยในอนาคต

นายคงกระพันกล่าวถึงกรณีที่ภาครัฐเตรียมเจรจาให้ ปตท.นำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการขอลดภาษีนำเข้าตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่จะเรียกเก็บจากไทยถึง 36% ว่า ปตท.จะทำอะไรต้องคำนึงประโยชน์ของประเทศชาติและบริษัทฯ โดย ปตท.จะนำเข้า LNG เพิ่มอีก 1 ล้านตันต่อปี เป็นเวลา 15 ปี คิดเป็นเงินมูลค่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐเริ่มในปีหน้า และ PTTGC จะนำเข้าอีเทน 4 แสนตันต่อปี เป็นเวลา 15 ปี คิดเป็นมูลค่าราว 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนที่ไทยมีเจตจำนงที่จะเจรจาความร่วมมือกับรัฐอะแลสกาเพื่อนำเข้า LNG จากโครงการ Alaska LNG นั้นยังต้องมีรายละเอียดความยืดหยุ่นจุดหมายปลายทางการส่ง LNG ด้วย

นายคงกระพันกล่าวถึงกรณี ปตท.ทำโครงการซื้อหุ้นคืนว่า ปัจจุบันมีการซื้อหุ้นคืนไปแล้ว 177 ล้านหุ้น จากจำนวนทั้งหมดไม่เกิน 470 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 แล้ว โดยเริ่มมีการซื้อคืนตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. 68 ที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 12 เม.ย. 68 และบริษัทจะกลับมาซื้อหุ้นคืนต่อไปหลังจากได้แจ้งงบผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ซึ่งการเข้าซื้อหุ้นไม่ได้เป็นการเก็งกำไรใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นการบริหารความเสี่ยงส่วนเกิน


กำลังโหลดความคิดเห็น