สอบ เหตุคานทางด่วน”พระราม 3-ดาวคะนอง”ทรุด ชี้เป็นความผิดพลาดในการทำงาน ไม่ใช่อุบัติเหตุ ส่วนแบบและวิธีการก่อสร้างถูกต้องตามหลักวิศวกรรม กทพ.เตรียมรายงาน”สุริยะ”เป็นทางการ พร้อมส่งข้อมูลให้ตำรวจดำเนินคดี และเรียกค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย กรณีปิดด่าน 5 วัน
รายงานข่าว เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาสาเหตุกรณีคานขวาง ของงานก่อสร้างของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกฯ สัญญา 3 ทรุดตัว บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษดาวคะนอง เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2568 ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มีรองศาสตราจารย์ เอนก ศิริพานิชกร ที่ปรึกษาสาขาวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เป็นประธาน ได้สรุปผลการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) อยู่ระหว่างประมวลข้อมูลเพื่อรายงานผลสอบสวนฯต่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ภายในสัปดาห์นี้
พร้อมกันนี้ กทพ.จะเร่งส่งข้อมูล ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อประกอบสำนวนดำเนินการ ตามที่กทพ.ได้ไปร้องทุกข์ดำเนินคดี ทั้งแพ่งและอาญากับผู้กระทำ หรืองดเว้นการกระทำ หรือกระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง หรือกระทำโดยไม่ได้ปฏิบัติตามหลักวิศวกรรม อีกด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ผลสอบสวนฯพบว่า เรื่องนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นเรื่องของเป็นความผิดพลาดที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในการปฎิบัติงาน เป็นความผิดพลาดที่เกิดจากการกระทำของคนหรือ Human Error ขณะที่การออกแบบโครงการ และวิธีการก่อสร้างถูกต้องเป็นไปตามหลักวิศวกรรม แต่เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นจากบุคลากรที่ทำงานก่อสร้าง จึงเป็นเรื่องที่ทางผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ และบริษัทที่ปรึกษาต้องร่วมรับผิดชอบส่วนหนึ่ง
นอกจากนี้กทพ.อยู่ระหว่างประเมินความเสียหายด้านรายได้ค่าทางด่วนกรณีมีการปิดด่านดาวคะนอง ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.2568- วันที่ 20 มี.ค. 2568 รวม 5 วัน โดยจะเรียกชดเชยพร้อมดอกเบี้ย ประมาณการณ์วันละ 1 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า ผู้รับเหมาและบริษัทที่ปรึกษา จะต้องร่วมกันรับผิดชอบ โดยกำลังพิจารณาสัดส่วนความรับผิดชอบ
สำหรับ โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 -ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก สัญญาที่ 3 งานก่อสร้างทางยกระดับ ช่วงจากโรงพยาบาลบางปะกอก 9-ด่านดาวคะนอง -เชิงลาดสะพานพระราม 9 ( กม. 11+691-กม.16+695 ) ระยะทาง 5 กม. มีกิจการร่วมค้า ไอทีดี-วีซีบี (ประกอบด้วย บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ร่วมกับ บจ.วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง) เป็นผู้ก่อสร้าง วงเงินโครงการ 7,359.3 ล้านบาท
โดยนับจากเกิดเหตุวันที่ 15 มี.ค. 2568 จนถึงปัจจุบัน กทพ. ยังสั่งให้ผู้รับจ้างปยุดก่อสร้างงานในส่วนของคานขวาง ที่มีรูปแบบเดียวกับคานที่ทรุดตัวอยู่ จนกว่าจะสรุปผลสอบสวนเพื่อกำหนดวิธีการก่อสร้างต่อไป
