xs
xsm
sm
md
lg

GPSC กำไรไตรมาส 1/68 พุ่ง 32% แตะ 1.14 พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



GPSC แจงกำไรไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 1,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 32% มาจากโรงไฟฟ้าไซยะบุรี และโรงไฟฟ้าอวาด้ามีปริมาณการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังลม CFXD ลดลง

นางพรรณพร ศาสนนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนมาจากเงินปันผลรับและส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม และการร่วมค้า จํานวน 121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากโรงไฟฟ้าไซยะบุรี (XPCL) มีผลประกอบการดีขึ้น จากปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นจากปรากฏการณ์ลานีญา ส่วนโรงไฟฟ้าอวาด้า (AEPL) มีผลประกอบการดีขึ้นตามปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้นตามค่าความเข้มแสงที่เพิ่ม และมีโครงการที่เริ่มดําเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น

ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานลม CFXD มีผลประกอบการลดลง จากการรับรู้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยหลังจากการดําเนินการเชิงพาณิชย์เต็มจํานวนในเดือนมกราคม 2568 ขณะที่รายได้จากการจําหน่ายไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากมีกําลังการผลิตที่ดีขึ้นจากการเปิดดําเนินการเชิงพาณิชย์จาก 30 ต้น จากในไตรมาสที่ 1/2567 เป็นจํานวน 62 ต้นในไตรมาส 1/2568 อย่างไรก็ตาม กังหันลมบางส่วนจํานวน 28 ต้นเดินเครื่องไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งอยู่ระหว่างการซ่อมบํารุงที่อยู่ใต้การรับประกันผลงานจากผู้รับเหมา

ส่วนบริษัท ไทยโซล่าร์ รีนิวเอเบิล จำกัด (TSR) มีผลประกอบการลดลง 44 ล้านบาทจาก 64 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1/2567 เป็น 20 ล้านบาท จากราคาขายไฟฟ้าปรับลดลงเนื่องจาก Adder หมดอายุทั้งหมดในเดือนมิถุนายน ปี 2567


ด้านค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ จํานวน 67 ล้านบาท ลดลง 73 ล้านบาท หรือ 52% สาเหตุหลักเนื่องจากรายการปรับปรุงภาษีเงินได้รอตัดบัญชีเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 1/68 ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย จํานวน 2,324 ล้านบาท ลดลง 71 ล้านบาทหรือ 3% สาเหตุหลักมาจากค่าตัดจําหน่ายมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิที่ได้จากการเข้าซื้อ GLOW ลดลงตามอายุสัญญาต้นทุนทางการเงินจํานวน 1,380 ล้านบาท ลดลง 41 ล้านบาท หรือ 3% ตามเงินกู้ยืมของกลุ่มกิจการที่ลดลงจากการจ่ายชําระคืนเงินกู้ตามแผน

ส่งผลให้มีกําไรขั้นต้นจํานวน 5,249 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26 ล้านบาท หรือ 1% สาเหตุหลักมาจากโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) เพิ่มขึ้น 221 ล้านบาท จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติและถ่านหินลดลง ประกอบกับความต้องการไฟฟ้าและไอน้ำของลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทําให้กําไรผันแปร (Margin) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ผลการดําเนินงานในส่วนของ โรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) ลดลง 167 ล้านบาท สาเหตุหลักจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ได้รับค่าเชื้อเพลิงส่วนต่างลดลง (Energy Margin) ลดลง เนื่องจากในไตรมาสที่ 1/2568 รายได้ค่าถ่านหินที่สามารถเรียกเก็บจาก กฟผ ต่ำกว่าต้นทุนถ่านหินของบริษัทฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2567รวมทั้งขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นเป็น 60 ล้านบาท จากค่าเงินบาทแข็งค่า ส่งผลให้เกิดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการบันทึกปรับมูลค่าลูกหนี้ตามสัญญาเช่าทางการเงินของโรงไฟฟ้าศรีราชาและโรงไฟฟ้าโกลว์ ไอพีพี

นางพรรณพรกล่าวว่า กำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 เปรียบเทียบไตรมาส 4/2567 เพิ่มขึ้น 14% สาเหตุหลักเนื่องจากกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น จำนวน 5,249 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 407 ล้านบาท คิดเป็น 8% มาจากการบริหารจัดการต้นทุนการผลิต ปริมาณความต้องการไอน้ำของลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มสูงขึ้น และค่าเบี้ยประกันภัยโรงไฟฟ้าปรับตัวลดลงจากการดำเนินการผลิตที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงตามฤดูกาล ด้านเงินปันผลรับและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง สาเหตุหลักจากผลการดำเนินงานของ XPCL ที่ลดลงตามฤดูกาล และ CFXD ที่ลดลงจากต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นหลังจากเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ครบทุกต้น

ขณะที่ส่วน AEPL มีผลประกอบการดีขึ้นจากปริมาณแสงอาทิตย์ที่สูงขึ้นและการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการใหม่เพิ่มเติม

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 GPSC และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 280.094 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 160,018 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับ 0.54 เท่า


กำลังโหลดความคิดเห็น