xs
xsm
sm
md
lg

ยอดผลิตรถยนต์ มี.ค. 68 อยู่ที่ 1.29 แสนคัน ลด 6.09%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ส.อ.ท.เผยยอดผลิตรถยนต์ มี.ค. 68 อยู่ที่ 129,909 คัน ลดลง 6.09% โดยส่งออก 80,914 คัน ชะลอตัว 15% ส่วนยอดขายในประเทศ 55,798 คัน ลดลง 0.54% เหตุแบงก์ยังเข้มสินเชื่อ แต่กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง BEV และ PHEV ยังเติบโต

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จำนวนการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในเดือนมีนาคม 2568 มีทั้งสิ้น 129,909 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ร้อยละ 12.49 แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2567 ร้อยละ 6.09 เนื่องจากการผลิตส่งออกลดลงร้อยละ 9.36 จากการผลิตรถยนต์นั่งลดลงร้อยละ 51.18 เพราะมีการเปลี่ยนรุ่นรถบางรุ่นของรถยนต์นั่ง แต่ผลิตรถยนต์นั่งเพื่อจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.01 เพราะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง BEV และ PHEV เพิ่มขึ้น แต่ผลิตรถกระบะลดลงร้อยละ 29.32 ตามยอดขายรถกระบะยังคงลดลง

จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 352,499 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 14.88 หากการผลิตรถยนต์ใกล้เคียงนี้ตลอดทั้งปี คงต้องมีการปรับลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ใหม่ จากเดิมที่ตั้งไว้ในปีนี้มีการผลิตรถยนต์รวม 1.5 ล้านคัน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูง แต่ทั้งนี้ คงต้องรอความชัดเจนภาษีศุลกากรต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) จากสหรัฐฯ ที่ชะลอการจัดเก็บภาษีไป 90 วัน โดยไทยโดนภาษีศุลกากรดังกล่าว 36% สุดท้ายจะปรับลดลงเหลือเท่าไร

การผลิตเพื่อส่งออกเดือนมีนาคม 2568 ผลิตได้ 83,217 คัน เท่ากับร้อยละ 64.06 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมีนาคม 2567 ร้อยละ 9.36 ส่วนเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 236,796 คัน เท่ากับร้อยละ 67.18 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 13.48

รถยนต์นั่งเดือนมีนาคม 2568 ผลิตเพื่อการส่งออก 14,022 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 51.18 และตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 41,487 คัน เท่ากับร้อยละ 34.61 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 49.29

ส่วนรถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนมีนาคม 2568 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 69,195 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2567 ร้อยละ 9.68 และตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 195,309 คัน เท่ากับร้อยละ 84.90 ของยอดการผลิตรถกระบะ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.79


ส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศในเดือนมีนาคม 2568 ผลิตได้ 46,692 คัน เท่ากับร้อยละ 35.94 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2567 ร้อยละ 0.36 และเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 ผลิตได้ 115,703 คัน เท่ากับร้อยละ 32.82 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 17.62

รถยนต์นั่งเดือนมีนาคม 2568 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 31,566 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 35.01 และในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2567 ผลิตได้ 78,378 คัน เท่ากับร้อยละ 65.39 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.01

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนมีนาคม 2568 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 14,222 คัน ลดลงร้อยละ 29.32 และตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 34,729 คัน เท่ากับร้อยละ 15.10 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงร้อยละ 40.51

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนมีนาคม 2568 มีจำนวน 55,798 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.54 จากรถกระบะที่ยังคงขายลดลงร้อยละ 7.84 เพราะความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ยังกังวลหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจของประเทศเติบโตในอัตราต่ำ ค่าครองชีพสูง

โดยจำหน่ายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ในเดือนมีนาคม 2568 มีจำนวน 34,685 คัน เท่ากับร้อยละ 62.16 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.83 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า BEV และ PHEV แต่ยอดขายรถยนต์นั่งเครื่องสันดาป และรถยนต์ HEV ลดลง

ส่วนยอดขายรถยนต์ช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 รวม 153,193 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.45 แบ่งเป็นรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 96,073 คัน ลดลงร้อยละ 3.57 รถกระบะมีจำนวน 40,379 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 13.37

การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนมีนาคม 2568 ส่งออกได้ 80,914 คัน ลดลงร้อยละ 14.91 เพราะมีการเปลี่ยนรุ่นรถยนต์นั่งบางรุ่น และจากความเข้มงวดในการลดการปล่อยคาร์บอนของบางประเทศและการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกของจีนในบางประเทศคู่ค้า จึงส่งออกลดลงในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกากลางและอเมริกาใต้ อย่างไรก็ตาม ส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์และอะไหล่เพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ส่วนช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 220,139 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 18.63


กำลังโหลดความคิดเห็น