“พิชัย” เผยส่งออก มี.ค. 68 มูลค่า 29,548.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 17.8% สูงสุด 36 เดือน ทำมูลค่าสูงสุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ รวม 3 เดือน มูลค่า 81,532.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 15.2% คาด เม.ย.ยังดี ส่วนไตรมาส 2 ยังประเมินไม่ได้ อยากรู้ ต้องนั่งไทม์แมชชีนไปดู แต่ถ้าไม่มีภาษีทรัมป์ดีแน่ ยันการเจรจาสหรัฐฯ พร้อมตลอด สัญญาณดีแบบ 5G “พูนพงษ์” ระบุส่งออก มี.ค.ที่ขยายตัวสูง เหตุหลายประเทศเร่งนำเข้า หนีภาษี เฉพาะสหรัฐฯ พุ่งแรง 34.3%
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน มี.ค. 2568 มีมูลค่า 29,548.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.8% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 เติบโตสูงสุดในรอบ 36 เดือน นับจาก เม.ย. 2565 และมูลค่าถือว่าทำสถิติสูงสุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การส่งออกของไทย และการนำเข้ามูลค่า 28,575.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 10.2% เกินดุลการค้า 973 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการส่งออก 3 เดือน ของปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) มีมูลค่า 81,532.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 15.2% ซึ่งถือว่าดีต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน ม.ค. 2568 ที่ส่งออกขยายตัว 13.6% และ ก.พ. 2568 เพิ่ม 14% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 80,451.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 7.4% เกินดุลการค้า 1,081 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ เชื่อว่าผลจากการส่งออกไตรมาสแรกที่สูงถึง 15.2% จะเป็นพระเอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และมีส่วนช่วยผลักดันจีดีพีของไทยไตรมาสแรกเกิน 3% ซึ่งต้องรอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงอีกครั้ง
สำหรับการส่งออกในเดือน เม.ย. 2568 คาดว่าจะยังเป็นบวก อาจจะไม่มากเท่าเดือน มี.ค. 2568 แม้จะได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ แต่ไม่น่าจะเป็นลบ ส่วนไตรมาส 2 ยังประเมินไม่ได้ ถ้าอยากรู้ก็ต้องนั่งไทม์แมชชีนไปดู เพราะถ้าไม่มีกรณีภาษีทรัมป์ ส่งออกจะไปได้ดีถึงดีมาก และเป้าหมายทั้งปี ถ้าดูตัวเลขตอนนี้ เป้า 2-3% ไม่น่าจะพลาด หวังว่าจะได้มากกว่านี้ ซึ่งตอนนั้นตั้งเป้าไว้ต่ำ บอกน้อยได้เยอะ ไม่โดนด่า แต่บอกเยอะ แล้วทำได้น้อย โดนด่า
ส่วนการเตรียมการเจรจากับสหรัฐฯ ได้มีการติดต่อกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) มาโดยตลอด และมีสัญญาณที่ดีมาก 5G เลย แต่ตอนนี้ไทยต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม เพราะมีโอกาสเจออยู่แล้ว โดยการเตรียมความพร้อม เช่น การป้องกันการสวมสิทธิส่งออก และสินค้าที่จะเจรจามีอะไรบ้าง
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกไตรมาส 2 มีโอกาสขยายตัวต่อ โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ ที่อัตราภาษีที่ยกเว้นไว้จะมีผลบังคับในวันที่ 9 ก.ค. 2568 ทำให้ระหว่างนี้ เม.ย. พ.ค. และ มิ.ย. จะมีการเร่งนำเข้า ยกเว้นหากผลการเจรจาสามารถจบลงได้ก่อน และต้องรอดูว่าผลเจรจาเป็นอย่างไร เพราะจะมีผลต่อการส่งออก
อย่างไรก็ตาม การส่งออกในเดือน มี.ค. 2568 ที่เพิ่มขึ้น มาจากการเร่งนำเข้าของประเทศต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการประกาศภาษีของสหรัฐฯ ที่จะมีผลในเดือน เม.ย. 2568 และเฉพาะตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากการเร่งนำเข้าเพื่อลดต้นทุนเช่นเดียวกัน โดยตลาดหลัก สหรัฐฯ เพิ่ม 34.3% จีน 22.2% ญี่ปุ่น 1.5% สหภาพยุโรป (27 ประเทศ) เพิ่ม 4% อาเซียน (5 ประเทศ) เพิ่ม 13.2% CLMV เพิ่ม 10.1% ตลาดรอง เอเชียใต้ เพิ่ม 9.2% ตะวันออกกลาง เพิ่ม 25.1% แอฟริกา เพิ่ม 3.5% ละตินอเมริกา เพิ่ม 11.5% รัสเซียและ CIS เพิ่ม 59.5% สหราชอาณาจักร เพิ่ม 7.7% ส่วนทวีปออสเตรเลีย ลด 11.4% และตลาดอื่นๆ เพิ่ม 232.6%
สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เดือน มี.ค. 2568 ลด 3.1% หดตัวในรอบ 9 เดือน โดยสินค้าเกษตร ลด 0.5% สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ลด 5.7% โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ยางพารา ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง และผลไม้กระป๋องและแปรรูป ส่วนสินค้าที่หดตัว เช่น ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป น้ำตาลทราย และไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ทั้งนี้ 3 เดือนของปี 2568 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 0.2%
ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 23.5% ขยายตัวต่อเนื่อง 12 เดือน โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ ทั้งนี้ 3 เดือนของปี 2568 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 19.4%