กรมพัฒนาธุรกิจการค้าปรับแผนตรวจสอบนอมินี ปี 68 ใหม่ เน้นนิติบุคคลที่มีคนต่างชาติถือหุ้นตั้งแต่ 0.01-49.99% รวม 46,918 ราย โฟกัส 6 ธุรกิจเป้าหมายทั่วประเทศ สกัดคนต่างด้าวแอบเข้าทำธุรกิจในไทย เผยยังได้ร่วมมือ ปปง. เพิ่มความผิดนอมินี ต่างด้าวการแอบทำธุรกิจ เป็นความผิดมูลฐาน จัดการเรื่องฟอกเงินด้วย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ปรับแผนการตรวจสอบธุรกิจที่มีลักษณะนอมินี หรือการให้คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อหลีกเลี่ยงการขออนุญาตประกอบธุรกิจตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ใหม่ โดยมีนิติบุคคลที่อยู่ในข่ายตรวจสอบจำนวน 46,918 ราย และธุรกิจเป้าหมายทั่วประเทศจำนวน 6 ธุรกิจ ได้แก่ ท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง เช่น ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก , ค้าที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ , อีคอมเมิร์ซ ขนส่งและคลังสินค้า , โรงแรมและรีสอร์ต , ธุรกิจการเกษตร เช่น ล้ง และก่อสร้างอาคารทั่วไป
ทั้งนี้ แผนเดิม กรมได้กำหนดตรวจสอบนิติบุคคล ที่มีคนต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 49% ไว้ตั้งแต่ต้นปี 2568 จำนวน 26,830 ราย เน้นธุรกิจท่องเที่ยว ค้าที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและรีสอร์ต อีคอมเมิร์ซ ขนส่งและคลังสินค้า ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่เรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญ และสั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหา โดยตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย มีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และนายพิชัยได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีก 2 ชุด มีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อขับเคลื่อนการทำงาน และล่าสุดตั้งคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย มี ร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อปฏิบัติการทั่วประเทศ
“จำนวนนิติบุคคลที่จะถูกตรวจสอบเพิ่มขึ้น เพราะได้มีการสแกนบริษัทที่มีคนต่างชาติเข้ามาถือหุ้นตั้งแต่ 0.01-49.99% เลยเพิ่มเป็น 46,819 ราย ส่วนการเพิ่มธุรกิจเป้าหมาย เพราะมีการร้องเรียนและให้ข้อมูลเข้ามา ซึ่งตอนนี้ได้มีการแบ่งหมวดหมู่แล้ว กำลังตรวจสอบเอกสาร และหากมีข้อสงสัย ก็จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบต่อไป โดยขณะนี้ ได้เริ่มทำงานแล้ว ที่ผ่านมา ได้ตรวจสอบธุรกิจเหล็ก อสังหาริมทรัพย์ ร้านอาหาร ในพื้นที่กรุงเทพฯ และการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตร ในจังหวัดจันทบุรี เป็นต้น”นางอรมนกล่าว
นางอรมนกล่าวว่า กรมยังได้ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยกร่างกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยเพิ่มความผิดฐานนอมินี และกรณีคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดมูลฐานตามร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่. ...) พ.ศ. ... ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็น ถึงวันที่ 25 เม.ย.2568 และเมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ปปง. จะพิจารณาเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้พิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
สำหรับการปรับแก้กฎหมายดังกล่าว จะนำไปสู่การยึด อายัดทรัพย์สิน ของผู้กระทำความผิด ทั้งที่เป็นคนไทยและคนต่างด้าว ให้ตกเป็นของแผ่นดิน เพื่อไม่ให้นำทรัพย์สินไปใช้ประโยชน์ หยุดยั้งการใช้บริษัทนอมินีและคนไทยเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน สร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของระบบธุรกิจในประเทศไทย และป้องกันการใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการกระทำความผิด