บางจากฯ เผยปีนี้เน้นบริหารสินค้าคงคลังให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อรับมือราคาน้ำมันผันผวนลดเสี่ยงกำไรขาดทุนสต๊อกน้ำมัน ชี้อัลฟ่าฯ ขยับเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ในบางจากฯ บ่งชี้ว่าความเชื่อมั่น แต่ยังไม่ได้พูดคุยกัน พร้อมยืนยันไม่มีแผนซื้อหุ้นคืนในระยะสั้น
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันปีนี้ค่อนข้างผันผวนและมีแนวโน้มราคาน้ำมันปรับลดลงจากปี 2567 ดังนั้นในปีนี้บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการบริหารสินค้าคงคลัง โดยลดปริมาณสินค้าคงคลังให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อลดผลกระทบกำไรขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน
ส่วนการปรับขึ้นภาษีศุลการกรนำเข้าสินค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงบางจากฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นบริษัทจะให้ความสำคัญในด้านการบริหารจัดการรวมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายชัยวัฒน์กล่าวถึงแผนนโยบายการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) ว่า ในระยะสั้นบางจากฯ ไม่มีแผนการซื้อหุ้นคืน เพราะไม่มีความจำเป็น โดยราคาหุ้น BCP ในรอบ 12 เดือนหรือ 24 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BCP เป็นหุ้นเพียงตัวเดียวที่ราคาเฉลี่ยไม่ลดลง (สีแดง) แต่เป็นหุ้นเขียว เมื่อเทียบกับ SET Index ราคาหุ้น BCP ดีกว่า 25-30% และหากเทียบกับหุ้นกลุ่มพลังงานพบว่าหุ้น BCP มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง Outperform 30-40% ดังนั้นการซื้อหุ้นคืนจึงไม่มีความจำเป็น และตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมออกกฎระเบียบใหม่ จากนั้นค่อยพิจารณาอีกครั้ง
“ไม่ได้บอกว่าจะไม่มีการซื้อหุ้นคืน แต่ระยะสั้นไม่คิดว่าต้องมีการซื้อหุ้นคืน เก็บกระสุนไว้ใช้ยามที่จำเป็น แต่หากสถานการณ์เปลี่ยนไปก็ค่อยพิจารณาใหม่ได้” นายชัยวัฒน์กล่าว
ส่วนกรณีที่บริษัทอัลฟ่า ชาร์เตอร์ด เอนเนอร์จี จำกัด ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญบางจากฯ บิ๊กล็อต จาก บริษัท Capital Asia Investments Pte Ltd หรือ CAI จากสิงคโปร์ จำนวน 84,454,585 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 6.1335% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ส่งผลให้อัลฟ่าฯ ถือครองหุ้น BCP รวมทั้งสิ้น 275,500,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 20.0083% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท ขยับขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 1 ในบางจากฯ นั้น นายชัยวัฒน์กล่าวว่า หากได้รับการติดต่อพูดคุยกับทางอัลฟ่าฯ จะปรึกษาทิศทางการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเชื่อว่าอัลฟ่าฯ มีความเชื่อมั่นในบริษัทจึงได้เข้ามาซื้อหุ้นจนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เข่นปัจจุบัน ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดี การเข้ามาซื้อหุ้น BCP ดังกล่าวมีส่วนให้ราคาหุ้น BCP ยืนอยู่ในแดนเขียวในช่วง 3-6 เดือนที่ผ่านมา
ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯ เห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 99.99% อนุมัติการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัทฯ โดยบางจากฯ จะทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ บมจ.บางจาก ศรีราชา (BSRC) ที่ถือโดยผู้ถือหุ้นรายอื่น ไม่เกินจำนวน 631,859,702 หุ้น (คิดเป็นร้อยละ 18.3 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ BSRC) โดยแลกกับหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบางจากฯ (Share Swap) ด้วยอัตราการแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ที่ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบางจากฯ ต่อ 6.50 หุ้นสามัญของ BSRC คาดว่าการซื้อหุ้นคืนจะเกิดขึ้นในช่วงตุลาคม 2568
การทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญดังกล่าวรวมคิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบางจากฯ ไม่เกิน 97,209,185 หุ้น โดยจะไม่มีการชำระค่าตอบแทนในรูปแบบของตัวเงิน พร้อมทั้งประกาศแผนการเพิกถอนหุ้นของ BSRC จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คาดว่าจะแล้วเสร็จสิ้นปี 2568
การปรับโครงสร้างการถือหุ้นดังกล่าวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจากให้สามารถตอบสนองต่อโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเพิ่มความแข็งแกร่งของผลประกอบการทางการเงิน ทำให้บางจากฯคว้าโอกาสการเติบโตในอนาคต
นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯ อนุมัติการจัดสรรกำไรจากบัญชีกำไรสะสม ที่ยังไม่ได้จัดสรรเพื่อจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลัง 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.45 บาทและเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลครึ่งปีแรกของปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.60 บาทจะเป็นการจ่ายเงินปันผลงวดปี 2567ที่อัตราหุ้นละ 1.05 บาท และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 เมษายน 2568