- • เน้นการบุกตลาดตะวันออกกลางเป็นเป้าหมายหลัก โดยเริ่มจากสินค้ากลุ่มของใช้บนโต๊ะอาหารและเครื่องหอม
- • ร่วมมือกับแบรนด์กิโมโนญี่ปุ่น นำผ้าไทยไปใช้ในการตัดเย็บ
- • มีแผนขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ในอนาคต
สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (SACIT) จับมือหน่วยงานพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศดันงานคราฟต์ไทยโกอินเตอร์ เตรียมบุกตลาดตะวันออกกลาง ทดลองนำสินค้าของใช้บนโต๊ะอาหาร เครื่องหอมทดลองตลาด จับมือแบรนด์กิโมโนญี่ปุ่นนำผ้าไทยไปตัดเย็บ และส่งช่างฝีมือไปเรียนรู้งาน พร้อมนำโชว์งานที่ลอนดอน ฝรั่งเศส อิตาลี สหรัฐฯ
ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (SACIT) เปิดเผยว่า SACIT มีแผนยกระดับงานคราฟต์ผ่านการสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ โดยปี 2568 นี้จะทำโครงการ “SACIT for Middle East” โดยได้ดำเนินความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ ในการร่วมกันศึกษาตลาด และวิจัยเชิงลึกเพื่อพัฒนาสินค้าสำหรับผู้บริโภคในตะวันออกกลาง ซึ่ง SACIT มองว่าเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ และไม่กระทบต่อสงครามทางการค้า จึงได้ศึกษาโอกาสในการนำเอาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยมาปรับประยุกต์ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของผู้คนในภูมิภาคตะวันออกกลาง
สำหรับกิจกรรมสำคัญที่จะเป็นโอกาสได้ทดสอบตลาดอาหรับคืองาน “Index Dubai” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 27-29 พฤษภาคม 2568 โดย SACIT ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในการนำผลิตภัณฑ์ของใช้บนโต๊ะอาหาร และเครื่องหอมสำหรับตลาดอาหรับไปทดสอบตลาด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเก็บข้อมูลเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยให้ตอบโจทย์ตลาดเป้าหมายได้
นอกจากนี้ ยังมีโครงการส่งเสริมผ้าไทยและงานศิลปหัตถกรรมไทยสู่ตลาดญี่ปุ่น โดยร่วมมือกับ บริษัท โอมิยะ จำกัด (OMIYA Co., Ltd) แบรนด์กิโมโนชั้นนำจากเมืองเกียวโต เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการส่งออกกลุ่มผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทยไปยังตลาดญี่ปุ่น โดยเฉพาะแนวคิดสร้างสรรค์ในการนำเอาผ้าไทยไปตัดเย็บเป็นชุดกิโมโน รวมถึงกลุ่มงานเครื่องประดับ หรือของใช้อื่นๆ ที่เป็นงานศิลปหัตถกรรมที่สามารถนำไปใช้ร่วมกับวัฒนธรรมการแต่งกายชุดกิโมโน อาทิ กระเป๋าถือขนาดเล็ก โดยผสานเทคนิคสร้างสรรค์งานหัตถกรรมเครื่องจักสานพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์จากภาคใต้อย่าง “กระเป๋าย่านลิเภา” มาปรับประยุกต์รูปลักษณ์ ดีไซน์ และลักษณะการใช้งานให้เข้ากับชุดกิโมโน ซึ่งถือเป็นการเชื่อมโยงวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และสังคม ระหว่างกัน ที่จะต่อยอดการส่งออกของไทยไปตลาดญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดและขั้นตอนการเจรจา เพื่อร่วมลงนามข้อตกลงร่วมกันในอนาคตอันใกล้นี้
ขณะเดียวกัน ยังมีการสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือกันในการส่งช่างฝีมือคนรุ่นใหม่ไปเรียนรู้และฝึกปฏิบัติงานช่างรัก ณ ประเทศญี่ปุ่น ในรูปแบบ Cross Cultural Craft จำนวน 2 คน โดย SACIT จะคัดเลือกกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อายุไม่เกิน 45 ปี ที่มีมุมมองใหม่ พร้อมเปิดรับการเรียนรู้องค์ความรู้เทคนิคช่างรัก ลงรักปิดทอง เครื่องเขิน (ขูดลาย) ไปร่วมปฏิบัติทักษะเชิงช่าง ณ ประเทศญี่ปุ่น นับเป็นการเชื่อมโยงด้านองค์ความรู้ร่วมกัน
ทั้งนี้ SACIT ยังได้ดำเนินโครงการความร่วมมือกับยูเนสโก ในมิติการพัฒนาผลิตภัณฑ์งานศิลปหัตถกรรม ควบคู่กับความยั่งยืน ที่จะสามารถยกระดับมาตรฐานงานคราฟต์ พร้อมการส่งเสริมโอกาสการทำงานร่วมกับกลุ่มพันธมิตรต่างประเทศ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากสถานทูตไทย ณ ลอนดอน ในการเข้าร่วม London Craft Week ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของ SACIT ที่ได้รับโอกาสสำคัญในการผลักดันงานคราฟต์ไทยไปจัดแสดง ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยมีกำหนดการจัดแสดงระหว่างวันที่ 12-18 พฤษภาคม 2568 และยังมุ่งส่งเสริมและขยายช่องทางการตลาดงานศิลปหัตถกรรมไทยไปสู่ตลาดสากล เช่น ประเทศอิตาลี-The MIDA International Crafts Fair สหรัฐอเมริกา-Santa Fe International Folk Art Market ประเทศฝรั่งเศส-Revelations-International Fine Craft and Creation, Paris และ ประเทศญี่ปุ่น กับงาน Tokyo International Art Fair, Japan