รฟท.เร่งแก้อุบัติเหตุจุดตัดทางรถไฟทั่วประเทศ รวม 793 แห่ง ล่าสุดปิดทางลักผ่านแล้ว 107 แห่ง เตรียมปิดเพิ่มอีก 63 แห่ง ขณะที่มติอนุกรรมการระดับจังหวัด-อำเภอคงใช้เหมือนเดิม 267 แห่ง วอนทำตามกฎจราจร ดูสัญญาณและป้ายเตือน เพิ่มความปลอดภัยในการเดินรถและลดสูญเสีย
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางรถไฟกับถนนที่เป็นทางลักผ่านว่า จุดตัดทางรถไฟ มีเป็นทางลักผ่านในพื้นที่ 43 จังหวัด จำนวนรวมทั้งสิ้น 793 แห่ง ที่ผ่านมา รฟท.ได้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขให้เห็นผลเป็นรูปธรรมมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ขณะนี้ดำเนินการปิดไปแล้ว 107 แห่ง คงเหลือ 686 แห่ง ซึ่งในจำนวนนี้อยู่ในการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองระดับจังหวัด 114 แห่ง และอยู่ในการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองระดับอำเภออีก 533 แห่ง ส่วนทางลักผ่านอีก 39 แห่งในพื้นที่ 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดศรีสะเกษ บุรีรัมย์ ขอนแก่น และ กทม. ยังไม่มีการนัดพิจารณา
สำหรับการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองระดับจังหวัด 114 แห่งนั้น มีมติให้คงทางลักผ่านไว้ 31 แห่ง ให้ปิดกั้น 9 แห่ง และอยู่ระหว่างพิจารณา 74 แห่ง ส่วนการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองระดับอำเภอ 533 แห่งนั้น มีมติให้คงทางลักผ่านไว้ 237 แห่ง ให้ปิดกั้น 54 แห่ง และอยู่ระหว่างพิจารณา 242 แห่ง
นายวีริศกล่าวว่า รฟท.ขอความร่วมมือจากประชาชน โดยเฉพาะผู้ขับขี่ยานพาหนะ ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 อย่างเคร่งครัดทุกครั้งหากจำเป็นต้องใช้ถนนที่ตัดผ่านกับทางรถไฟ หากมีสัญญาณเตือนหรือเครื่องหมายที่แสดงว่ากำลังจะมีรถไฟผ่านมานั้น ผู้ขับขี่ต้องลดความเร็วและหยุดรถในระยะห่างไม่น้อยกว่า 5 เมตร ไม่ว่าจะมีเครื่องหมายให้ระวังรถไฟหรือไม่มีสิ่งปิดกั้นก็ตาม
ทั้งนี้ จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุในปี 2567 ที่ผ่านมานั้นพบว่าเกิดอุบัติเหตุในบริเวณที่มีเครื่องกั้น 26 ครั้ง บาดเจ็บ 18 ราย เสียชีวิต 5 ราย ขณะที่บริเวณทางลักผ่านเกิดอุบัติเหตุ 38 ครั้ง บาดเจ็บ 25 ราย และเสียชีวิต 16 ราย
“การรถไฟฯ ได้เร่งรัดให้มีการพิจารณาปิดทางลักผ่านเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน อยากขอให้ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนซึ่งต้องผ่านทางรถไฟโดยเฉพาะบริเวณทางลักผ่านนั้น ขอให้ใช้ความระมัดระวัง และปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัดด้วยเพื่อช่วยกันลดการบาดเจ็บและสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน” ผู้ว่าฯ รฟท.กล่าว
