xs
xsm
sm
md
lg

SCC แจ้งปี 67 กำไรสุทธิ 6.3 พันล. วูบ 76%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • การลดลงของกำไรมาจากค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในโครงการ LSP ที่เวียดนาม
  • • SCC วางงบลงทุนปี 68 ประมาณ 30,000-35,000 ล้านบาท
  • • บอร์ด SCC อนุมัติจ่ายปันผลปี 67 หุ้นละ 5 บาท (95% ของกำไรสุทธิ)


ปูนซิเมนต์ไทยแจงกำไรปี 67 อยู่ที่ 6,342 ล้านบาท ลดลง 76% มาจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นโครงการ LSP ที่เวียดนาม พร้อมอัดงบลงทุนปี 68 ราว 3-3.5 หมื่นล้านบาท ด้านบอร์ด SCC อนุมัติจ่ายปันผลงวดปี 67 หุ้นละ 5 บาท คิดเป็น 95% ของกำไรสุทธิ

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยผลการดำเนินงานบริษัทในไตรมาสที่ 4/2567 ว่า บริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 130,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC แต่มีขาดทุนสำหรับงวดอยู่ที่ 512 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไร 721 ล้านบาทในไตรมาสก่อน สาเหตุจากการรับรู้ค่าเสื่อมราคาโครงการลองเซินปิโตรเคมิคอลส์คอมเพล็กซ์ที่ประเทศเวียดนาม (LSP) เพิ่มขึ้นประมาณ 1,500 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน จากการที่ LSP เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 2567 ในขณะที่ไตรมาสก่อน มีรายการเงินสดที่ได้จากสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยหรือ Interest Rate Swap (IRS) มูลค่า 2,183 ล้านบาท จาก SCGC

ส่วนผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขาย 511,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของ SCGC และมีกำไรสำหรับปีเท่ากับ 6,342 ล้านบาท ลดลง 76% จากปีก่อน เนื่องจากมีกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในปี 2566 และ SCGC มีผลการดำเนินงานลดลงจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของโครงการ LSP ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง


ทั้งนี้ SCGP (บริษัทถือหุ้น 72%) มีรายได้จากการขายสำหรับปี 2567เท่ากับ 132,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน โดย EBITDA เท่ากับ 16,138 ล้านบาท ลดลง 9% จากปีก่อน และมีกำไรสำหรับปีเท่ากับ 3,699 ล้านบาท ลดลง 30%จากปีก่อน ขณะที่ SCGD (บริษัทถือหุ้น 73%) มีรายได้จากการขายสำหรับปี 2567 เท่ากับ 25,563 ล้านบาท ลดลง10% จากปีก่อน มี EBITDA อยู่ที่ 3,134 ล้านบาท ลดลง 4% จากปีก่อน ขณะที่มีกำไรสำหรับปีเท่ากับ 810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40%จากปีก่อน

ส่วน SCGC มี EBITDA อยู่ที่ 7,363 ล้านบาทขาดทุนสำหรับปีอยู่ที่ 7,990 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไร 589 ล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่าย ของ LSP ที่เพิ่มขึ้น ส่วนเอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์ ในปี 2567 EBITDA อยู่ที่ 11,492 ล้านบาท กำไรสำหรับปีอยู่ที่ 2,428 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,620 ล้านบาท จากปีก่อน จากการบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตและต้นทุนพลังงานที่ดีขึ้น

เอสซีจี สมาร์ ทลีฟวิง และเอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล ในปี 2567 มี EBITDA อยู่ที่ 3,361 ล้านบาท และกำไรสำหรับปีอยู่ที่ 1,087 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 177 ล้านบาทจากปีก่อน จากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น จากธุรกิจดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล โดยมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 140,165 ล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อน เนื่องจากความต้องการตลาดที่ฟื้นตัวช้าหลักๆ จากภาคครัวเรือน


ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตรา 5.0 บาทต่อหุ้น รวมเป็นจำนวนเงิน 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของกำไรสำหรับปี ทั้งนี้บริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับครึ่งปีแรกในอัตรา 2.50 บาทต่อหุ้น และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตรา 2.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 มีนาคม 2568

นายธรรมศักดิ์ กล่าวว่าแนวโน้มปี 2568 คาดว่าจะมี EBITDA ที่ดีขึ้น จากปีก่อน ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลงและมีการกระตุ้นเศรษฐกิจจากประเทศจีน ส่งผลดีต่อธุรกิจปิโตรเคมี ,การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในประเทศไทย คาดว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องงานโครงการจากภาครัฐแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และการก่อสร้าง การเติบโตในภูมิภาคยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนจากการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย โดยตั้งงบลงทุนสำหรับปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 30,000-35,000 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น