- • สาเหตุหลักจากต้นทุนวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลสูงขึ้นและอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน
- • ปี 68 ตั้งเป้า EBITDA 18,000 ล้านบาท
- • ปี 68 วางแผนลงทุน 13,000 ล้านบาท
SCGP แจงกำไรงวดปี67วูบ30%มาอยู่ที่ 3,699 ล้านบาท เหตุต้นทุนวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลพุ่งและความปันผวนอัตราแลกเปลี่ยน ตั้งเป้าปี68 ดันEBITDAเพิ่มเป็น18,000 ล้านบาท พร้อมอัดงบลงทุน1.3 หมื่นล้านบาท
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขาย 132,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมี EBITDA อยู่ที่ 16,127 ล้านบาท ลดลง 9% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,699 ล้านบาท ลดลง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน
โดยรายได้ปี 2567 ที่เติบโตขึ้นมาจากการเติบโตของอุปสงค์ในประเทศ ส่งผลให้ปริมาณการขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ บรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์และบรรจุภัณฑ์อาหารเพิ่มขึ้น ประกอบกับการฟื้นตัวของตลาดส่งออก โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค
ส่วน EBITDA และกำไรปี 2567 ลดลงจากปีก่อน มีสาเหตุหลักจากต้นทุนวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล (RCP) ที่สูงขึ้น รวมถึงมีความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีนัยสำคัญในภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะในไตรมาส 3/2567 นอกจากนี้กำไรของธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียในสัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 แม้ว่าอัตรากำไรจะลดลง บริษัทยังคงมีความมุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้กำลังการผลิต และการบริหารจัดการต้นทุนตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า
นายวิชาญ กล่าวว่าในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA เป็น 18,000 ล้านบาท โดยผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก เพื่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ได้แก่ 1.เพิ่มความสามารถในการทำกำไรในกลุ่มประเทศอาเซียน โฟกัสการขายที่ตลาดภายในประเทศไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และสร้างการเติบโตในสินค้าเชื่อมโยงกับผู้บริโภค รวมถึงการเพิ่มโอกาสเข้าตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพสูงอย่าง Healthcare Supplies ,2.เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน การปรับปรุงต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานผ่านเทคโนโลยี Data Analytic และ Artificial Intelligence (AI) คาดว่าจะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและลดต้นทุนในปี 2568 ได้ประมาณ 600 ล้านบาท
3.พัฒนานวัตกรรมและโซลูชันเพื่อสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์ลูกค้า รวมถึงการพัฒนากระบวนการ และบริการ ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและสร้างความแตกต่างเพื่อเพิ่มมูลค่าและความสามารถทำกำไร โดยตั้งงบประมาณและค่าใช้จ่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ คิดเป็น 1% โดยประมาณของรายได้ในแต่ละปี ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มสินค้านวัตกรรมและโซลูชัน คิดเป็น 37% ของรายได้รวม และ 4.มุ่งดำเนินงานตามกรอบ ESG และหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ได้การรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ โดยวางเป้าหมายเพิ่มการใช้พลังงานทางเลือกเป็น 39% ในปีนี้
ส่วนงบลงทุนสำหรับปี 2568 บริษัทวางงบลงทุนรวมไว้ที่ 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็น งบลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจ ทั้งออแกนิคและพาร์ตเนอร์ชิป ประมาณ 8,000-10,000 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถปิดดีล M&P ได้ในปีนี้อย่างน้อย 2 โครงการ
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท โดยบริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลงวดระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท เมื่อวันที่ 21สิงหาคม 2567 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท ในวันที่ 21 เมษายน 2568