xs
xsm
sm
md
lg

“พิชัย” แจ้งข่าวดี เปิดเสรีส่งออกข้าว เพิ่มโอกาสรายย่อยฉลุย ดีเดย์ มี.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • นายพิชัย ประชุมผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ติดตามความคืบหน้าการส่งออกข้าว
  • • ลดขั้นตอนการจดทะเบียนผู้ส่งออกข้าวเหลือ 30 นาที
  • • กำลังแก้กฎหมายเพื่อลดการเก็บสต๊อกข้าวและค่าธรรมเนียมการเป็นผู้ประกอบการค้าข้าว
  • • คาดหวังการส่งออกข้าวจะเพิ่มขึ้น


“พิชัย”ประชุมผู้บริหารพาณิชย์ ติดตามการขับเคลื่อนงาน แจ้งข่าวเปิดเสรีการส่งออกข้าวคืบหน้า ล่าสุดปรับลดขั้นตอนการจดทะเบียนเป็นผู้ส่งออกข้าวเหลือ 30 นาที กำลังแก้กฎหมายลดการเก็บสต๊อก และลดค่าธรรมเนียมการเป็นผู้ประกอบการค้าข้าว คาด มี.ค.นี้ เริ่มได้ พร้อมสั่งลุยเจรจา FTA ดูแลมันสำปะหลัง ปรับโฉมหน้าตรา Thai SELECT ให้บริการงานผ่านแอปพลิเคชัน ผลักดัน Thailand Brand จัดการนอมินี สินค้าไร้คุณภาพต่อ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามและขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเร่งด่วนของกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ว่า ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล และนโยบายกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องการเปิดเสรีการส่งออกข้าวตามที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้มีการแข่งขันมากขึ้น ช่วยให้รายย่อยมีโอกาสส่งออกมากขึ้น และเพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดได้ลดขั้นตอนการจดทะเบียนเป็นผู้ส่งออกข้าวจาก 3 วันเหลือ 30 นาที และกำลังจะปรับลดในเรื่องปริมาณการเก็บสต๊อก และค่าธรรมเนียมการขอเป็นผู้ประกอบการค้าข้าว

ทั้งนี้ การเก็บสต๊อกข้าว เดิมกฎหมายการค้าข้าว กำหนดให้ผู้ส่งออกที่จะส่งออกข้าว ต้องเก็บสต็อกไม่ต่ำกว่า 500 ตัน จะปรับลดปริมาณการเก็บสต๊อก โดยหากเป็นเกษตรกร สถาบันเกษตรกร ยกเว้นการเก็บสต๊อก ผู้ประกอบการรายกลาง ปรับลดการเก็บสต๊อกเหลือ 100 ตัน ส่วนรายใหญ่ยังคงเดิมที่ 500 ตัน ส่วนค่าธรรมเนียม กรณีเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร จะยกเว้นไม่ต้องเสีย ผู้ประกอบการรายเล็กเหลือ 1 หมื่นบาท รายกลาง 3 หมื่นบาท และรายใหญ่ 5 หมื่นบาทเท่าเดิม ซึ่งในส่วนของการเก็บสต๊อก สามารถทำได้เลย แต่เรื่องค่าธรรมเนียม ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน แต่คาดว่าจะเริ่มได้ภายในเดือน มี.ค.2568

ส่วนเฟส 2 จะเพิ่มความสะดวกในการจดทะเบียนผู้ส่งออกข้าวและผู้ประกอบการค้าข้าวได้ในครั้งเดียว โดยเป็นความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการค้าภายใน และกรมการค้าต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเป็นผู้ส่งออกข้าว

นายพิชัยกล่าวว่า ยังได้ติดตามเรื่องสำคัญอีกหลายเรื่อง อาทิ การเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ได้กำชับให้เร่งการเจรจา เพราะหากเพิ่มได้มาก ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการค้า การลงทุน การดูแลสินค้าเกษตร ที่จะต้องทำต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้ามันสำปะหลัง ที่ขณะนี้กำลังออกสู่ตลาด การปรับรูปแบบการมอบตรา Thai SELECT ให้กับร้านอาหาร โดยจะให้เป็นดาวเหมือนกับมิชลิน 1 2 หรือ 3 ดาว เพื่อช่วยโปรโมตร้านอาหารไทย การพัฒนางานให้บริการต่าง ๆ ของกระทรวงพาณิชย์ ผ่านแอปพลิเคชัน ครอบคลุมทุกกรม การผลักดัน Thailand Brand ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการ SME สามารถขยายตลาดส่งออกได้ โดยใช้ตรา Thailand Brand บวกกับตราสินค้าของตัวเอง ต่อไปหากแข็งแรง ก็สามารถใช้ตราของตัวเองได้

นอกจากนี้ ยังจะเดินหน้าการปราบปรามนอมินี ที่แอบเข้ามาทำธุรกิจสงวนของคนไทย และการเข้มงวดสินค้าไม่มีคุณภาพ ที่นำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อดูแลผู้บริโภค และผู้ประกอบการ SME ของไทยต่อไป

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การดูแลเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง กรมได้เชื่อมโยงกลุ่มผู้ผลิตอาหารสัตว์ ผ่านหอการค้าไทย เร่งรับซื้อมันสำปะหลังสดจากเกษตกร เป้าหมาย 2.5 ล้านตันหัวมันสด หรือคิดเป็นมันเส้น 1 ล้านตัน เพื่อนำไปใช้ผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งได้รับซื้อแล้ว 1.6-1.8 ล้านตันหัวมันสด และคาดว่าจะซื้อได้เพิ่มขึ้นในปีต่อไป เป้าหมาย 5-6 ล้านตัวหัวมันสด เพราะต้องทำความเข้าใจกับผู้ซื้อเนื้อสัตว์ว่าได้มีการปรับปรุงสูตรอาหารสัตว์

ขณะเดียวกัน ได้เปิดจุดรับซื้อมันสำปะหลังในภาคเหนือ และภาคตะวันตก เพิ่มเติม เป้าหมาย 2-3 แสนตัน โดยจะเน้นในจังหวัดที่ราคาต่ำกว่า 2.20 บาท/กิโลกรัม (กก.) ส่วนราคามันสำปะหลัง เชื้อแป้ง 25% เฉลี่ยล่าสุดทั้งประเทศอยู่ที่ 2.28 บาท/กก. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเฉลี่ย 2.40 บาท/กก. ภาคเหนือและภาคตะวันตก 2.15 บาท/กก.

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรมได้เร่งผลักดันขยายตลาดส่งออกมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้นำคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและเอกชนเดินทางไปขายมันสำปะหลังที่เซี่ยงไฮ้และเฉิงตู มีการลงนาม MOU ปริมาณ 4.4 แสนตัน หรือคิดเป็นหัวมันสด 1.68 ล้านตัน และยังเปิดตลาดขายมันเส้นไปยังอุตสาหกรรมใหม่ นอกเหนือจากแอลกอฮอล์ เช่น อาหารสัตว์ กาว และกระดาษ และกำลังหารือกับสถานทูตจีน เพื่อผลักดันการส่งออกอีก


กำลังโหลดความคิดเห็น