xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ดอีอีซี เคลียร์แก้สัญญา”ไฮสปีด”อยู่ในกรอบกม.ร่วมทุนฯ เร่งส่งอัยการตรวจร่าง เริ่มก่อสร้าง เม.ย. 68

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • บอร์ดอีอีซีเห็นชอบแก้สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยไม่ขัด พรบ.ร่วมลงทุนฯ
  • • รฟท.จะส่งร่างสัญญาแก้ไขให้อัยการตรวจสอบ
  • • คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง เมษายน 2568
  • • บอร์ดอีอีซีเห็นชอบขยายพื้นที่เมืองการบินเพิ่ม 714 ไร่


บอร์ดอีอีซี เคลียร์ประเด็นแก้สัญญา”ไฮสปีด3 สนามบิน”ไม่ผิดหลักการกรอบพรบ.ร่วมลงทุนฯ​ ไฟเขียวรฟท.ส่ง”อัยการ”ตรวจร่างสัญญาที่แก้ไข คาดเสนอครม.เห็นชอบเริ่มก่อสร้าง เม.ย. 2568 และเห็นชอบขยายพื้นที่เมืองการบินอีก 714 ไร่

วันที่ 8 มกราคม 2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 1/2568โดยมี นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นเลขานุการการประชุมฯ โดย กพอ. ได้รับทราบความคืบหน้าของการดำเนินการเพื่อแก้ไขสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา) และการหารือร่วมกันเพิ่มเติมระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษ
ภาคตะวันออก (สกพอ.) และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อยืนยันว่าการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโครงการฯ ครั้งนี้ ยังคงเป็นไปตามหลักการเดิมของการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ในโครงการนี้

โดยได้มอบหมายให้ รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อ 21 ของประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (EEC Track) ซึ่งเป็นไปตามที่ได้หารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว


ทั้งนี้ ในการดำเนินการต่อไป รฟท. และเอกชนคู่สัญญาจะเจรจาร่างสัญญาแก้ไข เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริหารสัญญา คณะกรรมการกำกับดูแล และนำเสนอร่างสัญญาแก้ไขเสนอต่อสำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณา หลังจากนั้น รฟท. จะเสนอร่างสัญญาแก้ไขที่ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดมายัง สกพอ. เพื่อเสนอให้ กพอ. และ ครม. พิจารณาเห็นชอบในการแก้ไข โดย รฟท. และเอกชนคู่สัญญาจะลงนามร่างสัญญาฉบับแก้ไขที่ ครม. เห็นชอบ และ รฟท. จะสามารถออกหนังสือแจ้งให้เอกชนคู่สัญญาเริ่มงานก่อสร้างโครงการฯ หรือ NTP ได้ทันที คาดว่าภายในเดือนเมษายน 2568


ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรือง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ที่ประชุม บอร์ด อีอีซี เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 ได้มีการหารือถึง การแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา) ว่าอยู่ในกรอบของพ.ร.บ. การร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือไม่ เนื่องจากมีประเด็นแก้เงื่อนไขจากกรณีที่ รัฐจ่ายเงินค่าก่อสร้างให้เอกชนเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นการทยอยจ่ายคืนในระหว่างการก่อสร้าง

ซึ่งนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมกตารนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้ยืนยันต่อที่ประชุมบอร์ด อีอีซีว่า การปรับแก้ดังกล่าว ยังอยู่ในกรอบพ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ จึงเห็นว่า สามารถดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อแก้ไขสัญญาได้ โดยหลังจากนี้ จะส่งให้อัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญาฯที่แก้ไข หลังตรวจร่างสัญญาฯเสร็จจะกลับไปที่การรถไฟแห่งประเทสไทย (รฟท.) เพื่อสรุปเสนอ บอร์ดอีอีซี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบได้ ซึ่งคาดว่าจะเรื่องนี้อย่างช้าไม่เกิน 3 เดือน จะสรุปเสนอครม.และลงนามแก้ไขสัญญาฯได้


@เห็นชอบขยายพื้นที่เมืองการบินอีก 714 ไร่

นอกจากนี้ บอร์ดอีอีซี ยังได้มีมติเห็นชอบ ในเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับการขยายเพิ่มเติมพื้นที่ การเปลี่ยนแปลง และการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษใหม่ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.เพิ่มเติมพื้นที่เขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) ประมาณ 714 ไร่ ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุในความดูแลของของกองทัพเรือ เพื่อให้เขตส่งเสริมฯ ครอบคลุมพื้นที่ดำเนินโครงการก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 ซึ่งได้ปรับ
การออกแบบเพื่อเลี่ยงสิ่งกีดขวางทางการบินบริเวณด้านเหนือ (เขาโกรกตะแบก) และเพื่อใช้สำหรับการปฏิบัติการบินและเดินอากาศ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยตามมาตรฐานอุตสาหกรรมการบิน

2. การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) โดยขยายเจตนารมณ์ของโครงการที่กำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการวิจัยและการพัฒนานวัตกรรม จากเดิม “ระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Prototype development)” เพิ่มเติมเป็น “ระดับการผลิตเชิงพาณิชย์หรือการใช้งานต่อเนื่อง (Product on shelf)” ซึ่งเป็นระดับที่ผลิตภัณฑ์ผ่านกระบวนการผลิตต้นแบบทดสอบ ทดลอง และผลิตเชิงพาณิชย์ที่มีคุณภาพพร้อมส่งมอบต่อผู้บริโภค ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ที่มีการผลิตสะอาดมลพิษต่ำ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมเกษตรชีวภาพ เป็นต้น

ทั้งนี้จะมีการปรับแผนผังการใช้ประโยชน์พื้นที่เพื่อวัตถุประสงค์ใหม่ดังกล่าว จำนวนเนื้อที่ประมาณ 975 ไร่ จากเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 3,454 ไร่ โดยคาดว่าจะเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในท้องถิ่น การพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างชุมชนและภาคธุรกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น

3.การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ นิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ เนื้อที่ประมาณ 1,172 ไร่ บริเวณตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับการขยายตัวและสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การบินและโลจิสติกส์ ดิจิทัล และ
การพัฒนาบุคลากรและการศึกษา โดยคาดว่าจะมีการลงทุนในพื้นที่ประมาณ 156,000 ล้านบาท รวมถึงสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศโดยการใช้ชิ้นส่วนและอุปกรณ์จากผู้ผลิตภายในประเทศในสัดส่วนถึงร้อยละ 90 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตได้ภายในพื้นที่โครงการ สร้างโอกาสด้านอาชีพผ่านการจ้างงานอีกประมาณ 20,000 คน และสร้างโอกาสทางธุรกิจต่อเนื่องให้แก่ชุมชนในพื้นที่ เช่น ร้านค้า โรงแรม หอพัก ฯลฯ ถือเป็นการกระตุ้นทางเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงระดับประเทศ




กำลังโหลดความคิดเห็น