สนค.เผยผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เกี่ยวกับการวางแผนท่องเที่ยวปลายปี 67 พบค่อนข้างทรงตัวและเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปี 66 ภาคเหนือยอดฮิต เผยคนเกษียณแล้ว กลุ่มรายได้สูง วางแผนเที่ยวมากสุด ส่วนพนักงาน ผู้มีรายได้น้อย วางแผนเที่ยวน้อยสุด ขี้ปัญหาการเงิน ค่าใช้จ่าย เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการท่องเที่ยว
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ประจำเดือน พ.ย.2567 จำนวน 5,669 ราย ครอบคลุมประชาชนทุกอำเภอทั่วประเทศ เกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวไทยปลายปี 2567 ว่า ประชาชนมีแผนการท่องเที่ยวในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.2567 มีสัดส่วนค่อนข้างทรงตัว หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับผลการสำรวจของปี 2566 โดยภาคเหนือยังเป็นจุดมุ่งหมายหลักที่ประชาชนวางแผนไปท่องเที่ยว เพราะอากาศเย็นสบาย ธรรมชาติและภูมิทัศน์สวยงาม และมีมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ โดยปัญหาทางการเงินและค่าใช้จ่าย ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการแผนการท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจำแนกตามกลุ่มอาชีพ พบว่า กลุ่มผู้ไม่ได้ประกอบอาชีพและเกษียณอายุ มีสัดส่วนการวางแผนท่องเที่ยวมากที่สุดที่ 46.40% เนื่องมาจากประชาชนกลุ่มนี้ ไม่ถูกจำกัดด้วยภาระหน้าที่การงาน ทำให้สามารถวางแผนและเดินทางท่องเที่ยวได้สะดวก รองลงมา คือ กลุ่มนักธุรกิจและเจ้าของกิจการ 42.52% สำหรับกลุ่มพนักงานบริษัทมีสัดส่วนการวางแผนท่องเที่ยวน้อยที่สุด 17.54%
สำหรับการพิจารณาตามรายได้ พบว่า กลุ่มผู้มีรายได้มากกว่า 40,000-50,000 บาท มีสัดส่วนการวางแผนท่องเที่ยวมากที่สุด 48.77% ตามมาด้วยกลุ่มผู้มีรายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป 45.00% ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นกลุ่มที่มีรายได้ค่อนข้างสูง จึงสามารถจัดสรรงบประมาณสำหรับการท่องเที่ยวได้มากกว่ากลุ่มรายได้อื่น ขณะที่กลุ่มผู้มีรายได้ 5,001–10,000 บาท มีสัดส่วนการวางแผนท่องเที่ยวในช่วงเดือนดังกล่าวน้อยที่สุด 25.95%
ส่วนการจำแนกตามภูมิภาค พบว่า ผู้อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นผู้มีสัดส่วนวางแผนการท่องเที่ยวมากที่สุดที่ 40.87% รองลงมาคือ ผู้อาศัยในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 34.88% ขณะที่ผู้อาศัยในเขตภาคกลางมีสัดส่วนการวางแผนการท่องเที่ยวน้อยที่สุด 27.14%
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาผลสำรวจจากภูมิภาคต่าง ๆ พบว่า ผู้อาศัยในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคเหนือมีสัดส่วนการท่องเที่ยวในเขตภูมิภาคที่ตนเองอาศัยอยู่มากที่สุด มีเพียงกลุ่มผู้อาศัยในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคกลาง ที่มีสัดส่วนการวางแผนการท่องเที่ยวนอกเขตภูมิภาคที่ตนเองอาศัยอยู่ โดยกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ได้แก่ การท่องเที่ยวธรรมชาติ ผจญภัย และกีฬา ซึ่งเป็นที่นิยมในเกือบทุกกลุ่มอายุ อาชีพ รายได้ และภูมิภาค โดยคิดเป็น 56.67% รองลงมาคือ การท่องเที่ยวร้านกาแฟและร้านอาหารยอดฮิตที่ 48.14% โดยกิจกรรมนี้ได้รับความนิยมในกลุ่มอายุต่ำกว่า 39 ปี และกลุ่มผู้อาศัยในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งมีผู้ตอบเกินครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามในกลุ่มเดียวกัน
ทางด้านข้อกังวล พบว่า ประชาชนมีความกังวลด้านความปลอดภัยและอุบัติเหตุ เป็นปัจจัยหลักที่มีสัดส่วนสูงที่ 51.48% ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการสำรวจในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 โดยเฉพาะในกลุ่มอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่มีความกังวลในเรื่องนี้สูงถึง 71.05% และยังมีความกังวลในเรื่องความแออัดของสถานที่ท่องเที่ยว คิดเป็น 50.00% และกังวลด้านการจราจรที่ 47.49%
นายพูนพงษ์กล่าวว่า การคาดการณ์ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเดือน พ.ย.-ธ.ค.2567 ในภาพรวม ผู้ตอบแบบสอบถาม 44.59% คาดว่าจะใช้จ่ายอยู่ระหว่าง 5,001–10,000 บาท/คน/ทริป เพื่อเป็นค่าเดินทาง อาหาร และที่พัก โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผลการสำรวจของปีก่อน รองลงมา คือ ใช้จ่ายไม่เกิน 5,000 บาท 31.79% และใช้จ่ายอยู่ระหว่าง 10,001–30,000 บาท 19.54% ตามลำดับ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ประชาชนมีแผนการใช้จ่ายลดลงในวงเงินที่สูง สะท้อนถึงการปรับตัวและการควบคุมงบประมาณที่มากขึ้น สำหรับประเภทของค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะมีการใช้จ่ายมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง คิดเป็น 71.64% รองลงมาคือค่าอาหาร คิดเป็น 70.71% และค่าที่พักคิดเป็น 62.35% ตามลำดับ
“การสำรวจครั้งนี้ แม้ประชาชนจะมีความกังวลกับสถานการณ์เศรษฐกิจ สถานะทางการเงิน และภาระค่าใช้จ่าย แต่การท่องเที่ยวในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2567 คาดว่า จะยังคงมีบรรยากาศที่คึกคักทั่วทุกภูมิภาค โดยภาครัฐได้มีการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมให้การท่องเที่ยวมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือที่ได้รับความนิยมสูง อาทิ โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ดังนั้น หน่วยงานและสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องควรเตรียมแนวทางและความพร้อมในการรับมืออย่างเข้มข้น พร้อมทั้งดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกและปลอดภัย”นายพูนพงษ์กล่าว