- • เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน และสูงสุดในรอบ 19 เดือน
- • การส่งออกทุกกลุ่มสินค้า (เกษตร, อุตสาหกรรมเกษตร, และอุตสาหกรรม) เพิ่มขึ้น
- • 10 เดือนแรกของปี 2567 มูลค่าส่งออกรวม 250,398 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.9%
ส่งออก ต.ค. 67 มูลค่า 27,222.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 14.6% บวกต่อเนื่อง 4 เดือนติด ทำมูลค่าสูงสุดในรอบ 19 เดือน เหตุส่งออกเพิ่มทั้งเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรม รวม 10 เดือน มูลค่า 250,398 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 4.9% คาดแนวโน้ม 2 เดือนสุดท้ายยังเติบโตดี มีลุ้นทะลุเป้า 1-2% ทำได้ถึง 4% ส่วนเป้าปี 68 เบื้องต้น เห็นตรงกันยังเป็นบวก รอ “พิชัย” เคาะตัวเลขทางการ
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน ต.ค. 2567 มีมูลค่า 27,222.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.6% ขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และมูลค่าสูงสุดในรอบ 19 เดือน คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 896,735 ล้านบาท การนำเข้ามีมูลค่า 28,016.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.9% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 934,700 ล้านบาท ขาดดุลการค้า 794.4 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 37,965 ล้านบาท รวม 10 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-ต.ค.) การส่งออกมีมูลค่า 250,398.0 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.9% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 8,854,630 ล้านบาท การนำเข้ามูลค่า 257,149.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.6% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 9,199,289 ล้านบาท ขาดดุลการค้า 6,751.2 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 344,659 ล้านบาท
สำหรับการส่งออกที่เพิ่มขึ้นมาจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 7.2% โดยสินค้าเกษตร เพิ่ม 6.8% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 7.6% โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ข้าว ยางพารา ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ส่วนสินค้าที่ลดลง เช่น ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำตาลทราย และไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ทั้งนี้ 10 เดือนของปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 5.6%
ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 18.7% โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนสินค้าสำคัญที่ลดลง เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด ทั้งนี้ 10 เดือนของปี 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 5.2%
ทางด้านตลาดส่งออกสำคัญ ส่วนใหญ่ขยายตัวได้ดี สอดคล้องกับสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ซึ่งตลาดหลักเพิ่ม 16.3% โดยสหรัฐฯ เพิ่ม 25.3% สหภาพยุโรป (27) เพิ่ม 22.1% CLMV เพิ่ม 27.9% จีน เพิ่ม 8.5% ญี่ปุ่น เพิ่ม 7.0% และอาเซียน (5) เพิ่ม 6.8% ตลาดรอง เพิ่ม 2.4% โดยเอเชียใต้ เพิ่ม 12.8% ตะวันออกกลาง เพิ่ม 1.9% ละตินอเมริกา เพิ่ม 31.5% สหราชอาณาจักร เพิ่ม 58.1% รัสเซียและกลุ่ม CIS เพิ่ม 3.0% ส่วนทวีปออสเตรเลีย และแอฟริกา ลด 14.0% และ 3.1% ตามลำดับ และตลาดอื่นๆ เพิ่ม 118.9%
นายพูนพงษ์กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ พ.ย.-ธ.ค. คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทำให้การส่งออกทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1-2% โดยจะขยายตัวได้ถึง 4% เกินกว่าเป้า มูลค่า 296,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวภาคอุตสาหกรรมของคู่ค้า การใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น การเติบโตของการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไทย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลและฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี ประกอบกับต้นทุนโลจิสติกส์ที่เอื้ออำนวยจากการปรับลดลงของค่าระวางเรือ แต่การส่งออกยังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ ในอนาคต หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ รับตำแหน่งประธานาธิบดี ที่จะมีการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศต่างๆ เช่น เม็กซิโก แคนาดา และจีน ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินอยู่ รวมถึงผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนนโยบายการส่งออกข้าวของอินเดียที่อาจส่งผลต่อการส่งออกข้าวไทย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามและวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อหาแนวทางรับมือที่เหมาะสมต่อสถานการณ์ต่อไป
ส่วนเป้าส่งออกปี 2568 ได้ประชุมร่วมกับภาคเอกชน ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เพื่อหารือเป้าหมายการส่งออกในเบื้องต้นแล้ว และยังได้นำข้อมูลจากทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ มาพิจารณา โดยเห็นตรงกันว่าจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่องจากปี 2567 และนายพิชัยจะนัดแถลงตัวเลขอย่างเป็นทางการอีกครั้งในเดือน ธ.ค. 2567 นี้
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า การส่งออกเดือน ต.ค. 2567 เป็นม้าตีนปลาย เพราะไม่เคยเห็นตัวเลขส่งออก 2.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐมานาน เป็นผลจากความร่วมมือภาครัฐและเอกชน และถ้าในช่วงที่เหลืออีก 2 เดือน พ.ย.-ธ.ค. ถ้าทำได้เดือนละ 2.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ก็จะทำให้การส่งออกทั้งปีโต 4%