xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์”แนะไทยปลูกข้าวคาร์บอนต่ำ ตอบสนองเทรนด์โลก เพิ่มโอกาสส่งออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • สนค. แนะนำไทยเดินหน้าปลูกข้าวคาร์บอนต่ำ เพื่อตอบสนองเทรนด์โลกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
  • • ข้าวคาร์บอนต่ำ จะช่วยเพิ่มโอกาสส่งออก
  • • เวียดนามคู่แข่งหลัก กำลังเดินหน้าในเรื่องนี้
  • • ไทยต้องจริงจัง เพื่อช่วงชิงตำแหน่งผู้นำตลาดข้าว


สนค.แนะไทยเดินหน้าปลูกข้าวคาร์บอนต่ำ ตอบสนองเทรนด์โลกที่ให้ความสำคัญกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม และยังช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออก เผยล่าสุดคู่แข่งอย่างเวียดนามหันมาเดินหน้าในเรื่องนี้แล้ว ไทยต้องจริงจัง เพื่อช่วงชิงตำแหน่งผู้นำตลาดข้าวคาร์บอนต่ำให้ได้

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีนโยบายในการส่งเสริมให้เกษตรกรและผู้ประกอบการเข้าถึงตลาดสินค้ารักษ์สิ่งแวดล้อม และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงพาณิชย์ส่งเสริมในเรื่องนี้ โดยเฉพาะสินค้าข้าว ที่เป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทย และไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก จะต้องหันมาให้ความสำคัญกับการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำ หรือข้าวลดโลกร้อน ที่เป็นไปตามความต้องการของตลาดโลก ที่ให้ความสำคัญกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม

สำหรับข้าวคาร์บอนต่ำ คือ ข้าวที่ผลิตและแปรรูปด้วยวิธีการและเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่ว่าจะเป็นการทำนาเปียกสลับแห้ง การใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมี การจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดการเศษวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร เช่น ไม่เผาฟางข้าว และการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ รวมทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับกฎระเบียบและมาตรการระหว่างประเทศที่นำประเด็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาเป็นเงื่อนไขทางการค้า สอดรับกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเข้มงวด เช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ เป็นต้น

ทั้งนี้ ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทย พบว่า ภาคเกษตรมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับที่ 2 คิดเป็น 15.23% ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด รองจากภาคพลังงาน ที่มีสัดส่วน 69.96% และเมื่อพิจารณาเฉพาะภาคเกษตร การปลูกข้าวเป็นกิจกรรมที่มีปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุด มีสัดส่วนถึง 50.58% ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตรทั้งหมด ดังนั้น หลายประเทศรวมทั้งไทย มีการส่งเสริมการปลูกข้าวคาร์บอนต่ำ เพื่อบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม (Green Consumer) อีกทั้งเป็นการเพิ่มมูลค่าเพื่อเจาะตลาดข้าวพรีเมียม โดยล่าสุดเวียดนามซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญของโลก ก็มีนโยบายส่งเสริมการปลูกข้าวคาร์บอนต่ำอย่างจริงจังแล้ว ทั้งการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การลดใช้สารเคมี ที่สำคัญเวียดนามมี FTA กับสหภาพยุโรป ที่มีข้อกำหนดเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด จะทำให้เจาะตลาดข้าวในยุโรปได้ดีกว่าไทย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของไทย ที่ผ่านมา มีการส่งเสริมการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำผ่านการดำเนินการต่าง ๆ อาทิ โครงการไทยไรซ์ นามา (Thai Rice NAMA) หรือโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดภาวะโลกร้อนจากการทำนาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค.2561–ก.ค.2567 โดยเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำนาผ่านการส่งเสริมองค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการสนับสนุนทางการเงิน

“จากความต้องการข้าวคาร์บอนต่ำที่เพิ่มขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงมาตรการทางการค้าที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ที่อาจขยายครอบคลุมถึงสินค้าเกษตรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไทยจึงต้องให้ความสำคัญและเร่งส่งเสริมการผลิตและแปรรูปข้าวคาร์บอนต่ำ เพื่อตอบโจทย์ตลาดโลกและรักษาความสามารถในการแข่งขันข้าวไทยในอนาคต และยังควรมุ่งพัฒนาการผลิตข้าวให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก ด้วยการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการเกษตร เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าข้าวให้สูงขึ้น”นายพูนพงษ์กล่าว

ในปี 2566 ไทยส่งออกข้าว 8.77 ล้านตัน มูลค่า 5,147.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เวียดนามส่งออกข้าว 8.13 ล้านตัน มูลค่า 4,675.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และส่วนในช่วง 9 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-ก.ย.) ไทยส่งออกข้าว 7.45 ล้านตัน มูลค่า 4,833.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และเวียดนามส่งออกข้าว 6.96 ล้านตัน มูลค่า 4,353.3 ล้านเหรียญสหรัฐ


กำลังโหลดความคิดเห็น