- • กรมพัฒนาธุรกิจการค้า รายงานความคืบหน้าจัดการ “นอมินี” กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต
- • คดีส่งต่อ ดีเอสไอ เพื่อขยายผล
- • ศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษบุคคลและนิติบุคคล รวม 23 ราย
- • โทษคือ ปรับรายละ 2 แสนบาท และ จำคุก 2 ปี รอลงอาญา 2 ปี
- • คุมประพฤติ 1 ปี
กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารายงานความคืบหน้าจัดการ “นอมินี” กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต หลังส่งต่อดีเอสไอขยายผล ล่าสุดศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษบุคคลและนิติบุคคลรวม 23 ราย เจอปรับรายละ 2 แสนบาท จำคุก 2 ปี รอลงอาญา 2 ปี คุมประพฤติ 1 ปี และให้จดทะเบียนเลิกบริษัท ย้ำเดินหน้าตรวจสอบต่อ พร้อมเตือนคนไทยที่มีพฤติกรรมนอมินี ให้ยุติการกระทำ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ติดตามผลการดำเนินคดีกับบริษัทที่ถือหุ้นแทนคนต่างด้าว หรือนอมินี กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต หลังจากที่กรมได้ดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้น และส่งต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขยายผล พบว่า ศาลอาญาได้มีคำพิพากษา ตามคดีหมายเลขแดงที่ อ.2812/2567 เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2567 ที่ผ่านมา ลงโทษผู้กระทำความผิดตามบทกำหนดโทษแห่ง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ทั้งบุคคลและนิติบุคคลจำนวน 23 ราย มีโทษปรับรายละ 200,000 บาท จำคุก 2 ปี โดยรอลงอาญา 2 ปี ให้คุมความประพฤติ 1 ปี และสั่งให้จดทะเบียนเลิกบริษัท
สำหรับคดีนี้ เริ่มต้นจากกรมได้ตรวจสอบ และพบความผิดปกติของการถือครองหุ้นของนิติบุคคลจากการลงพื้นที่เข้าตรวจสอบและคัดกรองกลุ่มเสี่ยงนอมินีที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในจังหวัดภูเก็ต โดยพบว่า มีกลุ่มสำนักงานกฎหมายและสำนักงานบัญชีที่มีพฤติกรรมรับจ้างจดทะเบียนนิติบุคคล หรือรับทำบัญชี โดยใช้ชื่อคนไทย (นอมินี) เข้าเป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในหลายบริษัท เป็นผลเอื้อให้บุคคลต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายในประเทศไทย
ต่อมาได้ส่งเรื่องต่อให้ดีเอสไอ ขยายผลการตรวจสอบเป็นคดีพิเศษ โดยกรมสนับสนุนข้อมูลและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมลงพื้นที่เข้าตรวจค้นธุรกิจเป้าหมายร่วมกับดีเอสไอ พบว่ามีพฤติกรรมในลักษณะนอมินีจริง มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเพียงพอนำไปสู่การส่งเรื่องให้พนักงานอัยการฟ้องต่อศาล ซึ่งในที่สุดศาลอาญาได้มีคำพิพากษาลงโทษผู้กระทำผิด ซึ่งถือเป็นคดีตัวอย่างที่ได้ลงโทษตามกฎหมายกับผู้ที่ให้การสนับสนุนต่างด้าวประกอบธุรกิจในไทยโดยหลีกเลี่ยงกฎหมาย
“กรมจะเดินหน้าตรวจสอบนอมินีร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อแก้ไขปัญหานอมินีอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งบางกรณีอาจจะใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานเพื่อส่งฟ้องต่อศาล แต่จะทำอย่างเต็มที่ และขอเตือนคนไทยที่มีพฤติกรรมให้ความช่วยเหลือกับบุคคลต่างชาติที่เข้าข่ายนอมินี ให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นการทำร้ายผู้ประกอบการไทยและทำลายธุรกิจของคนไทย ซึ่งจะมีความผิดต้องรับโทษตามกฎหมายคือโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยหากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับรายวัน วันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน”นางอรมนกล่าว
ที่ผ่านมา กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะดำเนินการตรวจสอบธุรกิจที่เข้าข่ายมีความเสี่ยงเป็นนอมินี ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 โดยจะมีการคัดกรองกลุ่มเป้าหมายและร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบเชิงลึกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องปรามและนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งเน้นการติดตามกรณีคนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวหรือสนับสนุนการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง อาทิ ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ต อสังหาริมทรัพย์ และโลจิสติกส์ โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวของไทย เช่น ภูเก็ต ชลบุรี กรุงเทพมหานคร และเชียงใหม่