- • ผู้ว่าฯ รฟท. ตรวจรถไฟสายอีสาน
- • เร่งแก้ปัญหาฝุ่นควันในอุโมงค์ผาเสด็จ คาดเปิดปลาย พ.ย.นี้
- • โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน คืบหน้า 36%
- • ประเด็นมรดโลกสถานีอยุธยาอยู่ในขั้นตอน HIA
- • ผู้ว่าฯ รฟท. ขอทุกฝ่ายวางแผนใช้ประโยชน์จากโครงการต่างๆ ให้คุ้มค่าสูงสุด
“ผู้ว่าฯ รฟท.” ลงพื้นที่ตรวจรถไฟสายอีสาน เผยอุโมงค์ผาเสด็จเร่งแก้ปัญหาฝุ่นควัน คาดเปิดปลาย พ.ย.นี้ "ไทย-จีน" คืบ 36% ประเด็นมรดโลกสถานีอยุธยายังอยู่ในขั้นตอน HIA ขอทุกฝ่ายวางแผนใช้ประโยชน์จากโครงการต่างๆ ให้คุ้มค่าสูงสุด มุ่งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางขนส่งทางรางในอาเซียน
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้เร่งลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานในโครงการสำคัญต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงได้ลงพื้นที่พร้อมด้วย คณะผู้บริหารฯ ตรวจเยี่ยมและรับฟังความก้าวหน้าการดำเนินงานต่างๆ รวมถึงปัญหาของผู้ปฏิบัติงานในเส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (กรุงเทพฯ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย) ซึ่งได้รับฟังการบรรยายแผนการดำเนินโครงการสำคัญต่างๆ เช่น โครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง, โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย, โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ และโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ขอนแก่น-หนองคาย และรถไฟสายใหม่ช่วงบ้านไผ่-นครพนม
ทั้งนี้ รถไฟไทย-จีน การก่อสร้างปัจจุบันภาพรวมมีความคืบหน้าโครงการ 36% ส่วนประเด็นมรดโลก "สถานีอยุธยา" นั้น ได้นำส่งรายงาน HIA ให้คณะอนุกรรมการมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อพิจารณาตามลำดับและขั้นตอนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก
ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ บริเวณอุโมงค์ผาเสด็จที่มีปัญหาฝุ่นควันนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานกับกรมควบคุมมลพิษ เพื่อตรวจวัดเกณฑ์มาตรฐาน คาดว่าจะเปิดให้บริการอีกครั้งช่วงปลาย พ.ย. 2567
นายวีริศกล่าวว่า ได้รับฟังบรรยายเกี่ยวกับระบบควบคุมการเดินรถจากศูนย์กลาง (Centralized traffic control หรือ CTC) ที่ตั้งอยู่ที่อาคารสถานีขอนแก่น ทำหน้าที่ควบคุมระบบอาณัติสัญญาณ ที่ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่สถานีชุมทางถนนจิระ ถึงสถานีขอนแก่น ซึ่งระบบนี้ยังสามารถจัดตารางการเดินรถ (Time table) และการเตรียมทางอัตโนมัติ (Automatic route setting) เพื่อทดแทนผังควบคุมการเดินรถแบบเดิมของการรถไฟฯ โดยปัจจุบันการรถไฟฯ มีระบบ CTC นี้อยู่ที่อาคารศูนย์ควบคุมบางซื่อ และอาคารสถานีขอนแก่น ซึ่งในอนาคตจะมีการก่อสร้างเพิ่มเติมให้ครอบคลุมพื้นที่การเดินรถทั่วประเทศต่อไป
ส่วนแผนการพัฒนาตลาดรถไฟขอนแก่น ได้รับฟังการบรรยายโครงการพัฒนาที่ดินเชิงธุรกิจบริเวณย่านสถานีรถไฟขอนแก่น ซึ่งมีเป้าหมายในการนำพื้นที่มาสร้างรายได้ให้แก่องค์กร นอกจากนี้ ยังลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ย่านกองเก็บ สถานีหนองตะไก้ เป็นจุดสำคัญในการขนส่งสินค้าภายในประเทศของนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งในอนาคตจะเป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตอนบน) ด้วย ทั้งนี้ การลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้จะนำทุกความคิดเห็นจากคนรถไฟมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานร่วมกัน ตลอดจนดูแลด้านสวัสดิการต่างๆ ให้พนักงานการรถไฟฯ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค
“ได้มอบหมายให้ผู้บริหารช่วยกันวางแผนการใช้ประโยชน์จากโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ที่จะดำเนินการแล้วเสร็จในระยะเวลาอันใกล้นี้ ให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งขอบคุณและขอเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงานที่ร่วมกันทำงานด้วยความมุ่งมั่น ตลอดจนดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ” นายวีริศกล่าว
