- • นายพิชัย (ไม่ระบุตำแหน่ง) จับมือ ทูตจีน เดินหน้ายกระดับความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-จีน
- • ขอเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย
- • ขอให้จีนลงทุนในอีอีซี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม PCB
- • สนับสนุน SME ไทยขายสินค้าออนไลน์เข้าจีน
- • ทูตจีนยืนยัน TEMU พร้อมจดทะเบียนในไทย
“พิชัย”จับมือ “ทูตจีน” เดินหน้ายกระดับความร่วมมือทางการค้า การลงทุน ระหว่างไทย-จีน ขอเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรกรจากไทย เข้ามาลงทุนในอีอีซี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม PCB หนุน SME ไทยขายออนไลน์เข้าจีน ด้านทูตจีน ยัน TEMU พร้อมจดทะเบียนตั้งบริษัทในไทย ปฏิบัติตามกฎหมายไทย ช่วยคนไทยขายออนไลน์เข้าสู่ตลาดจีนเพิ่มขึ้น
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือแนวทางการขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุน ไทย-จีน ร่วมกับนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และคณะ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ว่า ประเด็นความกังวลเรื่องสินค้าจีนเข้ามาตีตลาดในไทย ตนได้อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรว่าไม่อยากให้รู้สึกว่าจีนเป็นผู้ร้าย และหลังการอภิปราย ตนได้ติดต่อกับทางสถานทูตจีน ซึ่งจีนรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นและดีใจที่มีโอกาสได้พูดคุยกัน เพื่อหาทางออก และหาทางขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้ได้เพิ่มขึ้น เพราะไทยและจีนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอดและจะต่อเนื่องในอนาคต เนื่องจากจีนเป็นตลาดขนาดใหญ่ นักเศรษฐศาสตร์จีนเองก็คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะยิ่งโตมากขึ้น ไทยจึงต้องร่วมมือกับจีนอย่างใกล้ชิดเพื่อประโยชน์ของสองประเทศ
ทั้งนี้ ในประเด็นความร่วมมือทางการค้า การลงทุน ได้ขอความร่วมมือจีนให้ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าของไทยกับจีน โดยให้รับซื้อสินค้าเกษตรจากไทยเพิ่มขึ้น เพราะจีนมีประชากรเยอะ สามารถรองรับสินค้าเกษตรจากไทยได้อีกมาก อย่างทุเรียน ก็มีจีนเป็นตลาดสำคัญ และขอให้เข้ามาลงทุนในอีอีซีเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันจีนเข้ามาลงทุนในไทยเป็นอันดับหนึ่งแซงญี่ปุ่นแล้ว โดยให้เน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ทั้งการผลิตชิป และสมาร์ทต่าง ๆ และให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ไทยด้วย รวมไปถึงการช่วยส่งเสริมซอฟต์ พาวเวอร์ของไทย อย่างล่าสุดภาพยนตร์เรื่องหลานม่า ที่สะท้อนความสัมพันธ์ไทย-จีน
ส่วนประเด็นความกังวลสินค้าจีนที่ไม่มีมาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ ส่งเข้ามาขายในไทยผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จนเกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค และผู้ประกอบการ SME ของไทย ได้แจ้งกับจีนไปว่า ไทยมีมาตรฐานในการตรวจสอบสินค้า ทั้ง อย. และ มอก. ซึ่งจะบังคับใช้กับทุกประเทศ ไม่ใช่ทำเฉพาะกับสินค้าจีน ซึ่งจีนก็มีความเข้าใจ และยินดีที่จะแจ้งผู้ประกอบการของจีนให้ปฏิบัติตามกฎหมายของไทย
นอกจากนี้ ได้ขอให้จีนช่วยสนับสนุนสินค้าของผู้ประกอบการไทย ขายเข้าสู่ตลาดจีนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของจีน ซึ่งจีนพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยนำสินค้าเข้าไปจำหน่าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น และในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการจัดงานมหกรรมไลฟ์คอมเมิร์ซนานาชาติ 2567 โดยดึง KOL และอินฟลูเอนเซอร์ชาวจีน มาไลฟ์สดขายสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีน ซึ่งจัดวันแรกเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2567 วันเดียวขายได้ 320 ล้านบาท คาดว่าจบ 5 วันน่าจะทะลุ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการขายสินค้าออนไลน์เข้าสู่ตลาดจีน
นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาจีน กล่าวว่า ขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นคนแรกที่กล้าหาญมาพูดให้กับจีน ในประเด็นสินค้าจีน ซึ่งจีนยืนยันที่จะร่วมมือกับไทย ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ มาตรฐานต่าง ๆ ของไทย เพราะไม่อยากให้ประเด็นความเข้าใจผิดนี้ กระทบต่อความร่วมมือทางการค้า การลงทุนในภาพรวมของสองประเทศ และขอชื่นชมรัฐบาลไทยและกระทรวงพาณิชย์ที่มีท่าทีถูกต้อง ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหา คำนึงภาพรวมการค้าการลงทุนระหว่างไทยและจีน
สำหรับกรณี TEMU แพลตฟอร์มออนไลน์ของจีน ยืนยันว่า เคารพกฎ ระเบียบ และพร้อมที่จะดำเนินการตามกฎหมายและข้อเรียกร้องต่าง ๆ ของไทย โดย TEMU กำลังประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตั้งบริษัทในไทย และลงทะเบียนการเป็นผู้ประกอบการขายออนไลน์อย่างเป็นทางการในไทย ทั้งนี้ ยังยืนยันที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ของจีน ขายสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีนด้วย