- • เกษตรกรร้องเรียนโรงงานอาหารสัตว์ปรับลดราคารับซื้อข้าวโพดลงต่อเนื่อง
- • โรงงานลดราคารับซื้อ ทำให้ผู้รวบรวมชะลอการรับซื้อและหยุดรับซื้อ
- • กรมการค้าภายในลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์
- • กรมการค้าภายในได้ประสานโรงงานให้รับซื้อข้าวโพดต่อเนื่องแล้ว
- • หากผลผลิตข้าวโพดออกมามาก ทางกรมการค้าภายในจะประสานหาช่องทางการตลาดเพิ่มเติม
กรมการค้าภายในลงพื้นที่ ติดตามสถานการณ์การรับซื้อข้าวโพด หลังเกษตรกรร้องเรียน โรงงานผลิตอาหารสัตว์ปรับลดราคารับซื้อลงต่อเนื่อง จนผู้รวบรวมชะลอการรับซื้อและหยุดรับซื้อ เผยได้ประสานโรงงานให้รับซื้อต่อเนื่องแล้ว หากผลผลิตออกมาก จะประสานผู้ซื้อนอกพื้นที่เข้าไปซื้อทันที พร้อมเข้มตรวจสอบการลักลอบนำเข้า การขนย้าย และตรวจสอบการรับซื้อ การแจ้งปริมาณ หากพบผิดดำเนินการกฎหมายเด็ดขาด
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมได้รับแจ้งปัญหาและรับเรื่องร้องเรียน จากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด กรณีโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ปรับราคาลงต่อเนื่องติดต่อกันในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้รวบรวมชะลอการรับซื้อผลผลิตและหยุดรับซื้อ ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน จึงได้ลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวโพดสำคัญ เพื่อติดตามสถานการณ์การซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และรับฟังปัญหาของเกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ โดยมีนายสืบพงษ์ นิ่มพูลสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ และหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วม
ทั้งนี้ ในช่วงการลงพื้นที่ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ.ชนแดน หนองไผ่ บึงสามพัน และวิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ประมาณ 600 คน นำโดยนายถาวร จงวัฒน์ ประธานแปลงใหญ่ผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รวมตัวยื่นข้อเรียกร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ณ ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ ขอให้ภาครัฐช่วยเหลือ กรณีราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปรับตัวลดลงอย่างไม่เป็นธรรม โดยขอให้ภาครัฐกำหนดมาตรการช่วยเหลือ ดังนี้ 1.ขอให้มีการกำหนดราคารับซื้อไม่ต่ำกว่า 7.50 บาท/กิโลกรัม (ความชื้น 30%) และราคา 11 บาท/กิโลกรัม (ความชื้น 14.5%) 2.ขอให้ช่วยลดต้นทุนการผลิตไร่ละ 1,000 บาท จำนวน 20 ไร่
“ได้ชี้แจงต่อกลุ่มเกษตรกรว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2567 ที่ผ่านมา กรมได้ขอความร่วมมือโรงงานผลิตอาหารสัตว์ให้รับซื้อผลผลิตจากผู้รวบรวมอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้เกิดความผันผวนด้านราคา อันจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกร ซึ่งโรงงานยินดีให้ความร่วมมือ และกรมจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เตรียมในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ก็จะนำผู้ซื้อนอกพื้นที่เข้าไปรับซื้อ เพื่อดึงผลผลิตออก รวมทั้งได้ประสานพาณิชย์จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และกำกับดูแลการซื้อขายให้เป็นธรรม ทั้งด้านคุณภาพและราคา”นายอุดมกล่าว
สำหรับมาตรการอื่น ๆ จะนำประเด็นเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดดลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ที่จะมีการประชุมในเร็ว ๆ นี้ ต่อไป
นายอุดมกล่าวว่า กรมยังได้ส่งสายตรวจ ผนึกกำลังร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ตรวจสอบไม่ให้มีการลักลอบนำเข้าจากเพื่อนบ้าน ซึ่งในช่วงเดือน ก.ย-ธ.ค.2567 เพราะเป็นช่วงที่ผู้นำเข้าทั่วไปไม่สามารถนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ และจะติดตามสถานการณ์การขนย้ายสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในเขตพื้นที่แนวเขตชายแดน เพื่อป้องปรามการขนย้ายสินค้าเกษตรโดยไม่ขออนุญาต หรือขออนุญาตไม่ตรงตามหลักเกณฑ์ของกรม รวมทั้งเข้าตรวจสอบผู้ประกอบการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (ลานรับซื้อ) ในพื้นที่เพาะปลูกที่สำคัญ และโรงงานอาหารสัตว์ โดยตรวจสอบทั้งในส่วนของราคารับซื้อ และการแจ้งปริมาณสินค้าที่มี เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า ทำให้เกิดความปั่นป่วนในระบบราคาสินค้า ซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ส่วนโทษ กรณีไม่มีการแสดงราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีการแสดงราคารับซื้อไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และการลักลอบขนย้ายหรือการขออนุญาตขนย้ายไม่ตรงตามหลักเกณฑ์ ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีกดราคารับซื้อ กักตุนสินค้า ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีไม่แจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน หรือจนกว่าจะแจ้ง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542