- • สนค. จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นแผนปฏิบัติการด้านการค้าสินค้าเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร
- • แผนฯ ดังกล่าว อยู่ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการค้าแห่งชาติ พ.ศ. 2568–2570
- • เคาะ 5 แนวทางสำคัญ:
- • ส่งเสริมปัจจัยการผลิต: เช่น การพัฒนาพันธุ์พืช การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต
- • พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ: เช่น การเพิ่มทักษะ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน
- • สร้างมูลค่า: เช่น การแปรรูปสินค้า การพัฒนาตลาดใหม่
- • ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ: เช่น การเจรจา FTA การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า
- • พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: เช่น ระบบโลจิสติกส์ การพัฒนาศูนย์กลางการค้า
สนค.จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นแผนปฏิบัติการ เรื่อง การค้าสินค้าเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการค้าแห่งชาติ พ.ศ.2568–2570 เคาะ 5 แนวทางในการขับเคลื่อน ส่งเสริมปัจจัยผลิต พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร ส่งเสริมระบบตลาด และอำนวยความสะดวกทางการค้า เตรียมรวบรวมจัดทำเป็นแผนเสนอสภาพัฒน์ และ ครม. พิจารณา และนำไปใช้ต่อไป
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นแผนปฏิบัติการเรื่อง การค้าสินค้าเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการค้าแห่งชาติ พ.ศ.2568–2570 ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อรับฟังความเห็นเกี่ยวกับภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร ซึ่งถือเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจพื้นฐานและมีความสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ แม้ GDP ภาคการเกษตรจะมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 8.6 ของ GDP ประเทศ แต่พื้นที่ทำการเกษตรในประเทศกลับมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 46.06 ของพื้นที่ทั้งประเทศ มีประชากรภาคเกษตรถึงร้อยละ 44.81 ของประชากรทั้งหมด และมีแรงงานภาคเกษตรถึงร้อยละ 48.75 ของแรงงานทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าภาคเกษตร มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก
โดยเป้าหมายของการจัดทำร่างแผนปฏิบัติการเรื่องการค้าสินค้าเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนภาคการเกษตรของไทยอย่างเป็นระบบ เป็นแนวทางให้ภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการดำเนินงานร่วมกัน สร้างความเข้มแข็งให้แก่สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย โดยคาดว่าร่างแผนปฏิบัติการฉบับนี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยที่จะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน กฎระเบียบการค้า และแนวโน้มใหม่ ๆ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล ที่จะส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการแข่งขันของไทย
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันหารือกันอย่างกว้างขวางใน 5 ประเด็นการพัฒนาสำคัญในการขับเคลื่อนการค้าสินค้าเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร ได้แก่ 1.การส่งเสริมการจัดการปัจจัยการผลิตสินค้าเกษตรและโครงสร้างพื้นฐาน โดยการลดต้นทุนปัจจัยการผลิต ส่งเสริมธุรกิจบริการด้านการเกษตรตลอดห่วงโซ่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ผลักดันการจัดตั้งศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าเกษตรอย่างทั่วถึง ส่งเสริมการลงทุนภาคเกษตรในระดับท้องถิ่น
2.การส่งเสริมศักยภาพและพัฒนาทักษะผู้ประกอบการสินค้าเกษตร โดยการพัฒนาความรู้และทักษะของเกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจการเกษตร ส่งเสริมการรวมกลุ่มเพื่อสร้างความเข้มแข็งและอำนาจในการต่อรอง และส่งเสริมให้เกษตรกรและผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากข้อมูลของภาครัฐ
3.การส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มและการค้าสินค้าเกษตรมูลค่าสูง โดยส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรแปรรูปและเกษตรมูลค่าสูง ประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์สินค้าเกษตรไทย ส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศให้การพัฒนาประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรให้มีสินค้าและคู่ค้าที่หลากหลาย
4.การส่งเสริมระบบตลาดสินค้าเกษตร เพื่อรักษาเสถียรภาพการค้าสินค้าเกษตร ส่งเสริมกลไกตลาดที่เป็นธรรม พัฒนาและเพิ่มช่องทางการตลาด และ ยกระดับตลาดสินค้าเกษตรที่สนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)
5.การอำนวยความสะดวกทางการค้า โดยการสนับสนุนการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์สินค้าเกษตร แก้ไขปัญหาและอุปสรรคทางการค้าสินค้าเกษตร และยกระดับการให้บริการประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการค้าสินค้าเกษตร
“หลังจากรับฟังความคิดเห็นจนครบถ้วนแล้ว สนค. จะนำแผนดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และคณะรัฐมนตรี ตามขั้นตอนต่อไป เพื่อให้ไทยมีแผนปฏิบัติการด้านการค้าแห่งชาติเป็นเข็มทิศในการกำหนดทิศทางการการค้าของประเทศ รวมทั้งมีแนวทางให้ภาคส่วนต่าง ๆ ดำเนินงานร่วมกัน อันจะช่วยเสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขันทางการค้า และเสริมแกร่งเศรษฐกิจไทยให้เติบอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน”นายพูนพงษ์กล่าว