กรมการค้าต่างประเทศลงพื้นที่ ติดตามการค้าชายแดนและผ่านแดนที่ด่านศุลกากรสะเดา จ.สงขลา เผยเป็นด่านที่มีมูลค่าการค้าทางบกสูงสุด พร้อมติดตามการจัดตั้งศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว (OSS) พบช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ ทั้งลดระยะเวลา ขั้นตอน ค่าใช้จ่าย
น.ส.จิตติมา ศรีถาพร รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนไทย–มาเลเซีย ณ ด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ว่า จังหวัดสงขลาเป็น 1 ใน 10 จังหวัดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ มีฐานการผลิตที่สำคัญ อาทิ อุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา อาหารทะเล และอิเล็กทรอนิกส์ และมีความพร้อมเรื่องการคมนาคมขนส่งและเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย และมีด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์เป็นประตูเชื่อมการค้าไทยกับประเทศมาเลเซีย รวมทั้งเป็นพื้นที่ภายใต้โครงการความร่วมมือเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย–มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ทำให้ด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ เป็นด่านชายแดนทางบกที่มีมูลค่าการค้าชายแดน-ผ่านแดนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งและอันดับสองของไทย โดยในปี 2566 มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสองด่านกว่า 5.69 แสนล้านบาท เนื่องจากทั้งสองพื้นที่อยู่ใกล้ท่าเรือปีนังและท่าเรือกลางของมาเลเซีย และมีการเชื่อมโยงการรถไฟระหว่างไทย–มาเลเซียด้วย
ทั้งนี้ ในการลงพื้นที่จังหวัดสงขลาครั้งนี้ กรมยังได้ติดตามความคืบหน้าการให้บริการของศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One Stop Service : OSS) ตามข้อสั่งการของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้กรมเร่งจัดตั้งศูนย์ OSS เพื่ออำนวยความสะดวกการค้าชายแดนและผ่านแดนให้ได้มากที่สุด เพราะการจัดตั้งศูนย์ OSS มีส่วนสำคัญในการช่วยยกระดับศักยภาพของด่านชายแดน และอำนวยความสะดวกทางการค้าชายแดนและผ่านแดนให้แก่ผู้ประกอบการ ช่วยลดระยะเวลา ลดขั้นตอน และลดค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมและผลักดันมูลค่าการค้าชายแดน–ผ่านแดนให้เป็นไปตามเป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ปัจจุบันกรมได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ OSS เรียบร้อยแล้ว โดยนำร่องในจังหวัดที่มีมูลค่าการค้าชายแดนสูง จำนวน 10 แห่ง ใน 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ตาก หนองคาย นครพนม มุกดาหาร ตราด อุดรธานี และสงขลา ซึ่งที่จังหวัดสงขลา ศูนย์ OSS มีจำนวน 2 แห่ง ณ ด่านศุลกากรสะเดาและด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการที่สามารถมาติดต่อขอรับบริการต่าง ๆ ได้ ณ จุดเดียว
โดยจากสถิติปี 2566 มีจำนวนผู้ใช้บริการศูนย์ OSS ณ ด่านศุลกากรสะเดา รวม 1,278 ราย แบ่งเป็น ด่านศุลกากรสะเดา 520 ราย ด่านอาหารและยา 322 ราย ด่านตรวจประมง 210 ราย ด่านตรวจพืช 71 ราย ด่านกักกันสัตว์ 136 ราย และด่านป่าไม้ 19 ราย และในส่วนด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ มีจำนวนผู้ใช้บริการ รวม 3,756 ราย แบ่งเป็น ศุลกากรปาดังเบซาร์ 289 ราย ด่านอาหารและยา 2,400 ราย ด่านตรวจประมง 210 ราย ด่านตรวจพืช 300 ราย ด่านกักกันสัตว์ 432 ราย ด่านตรวจสัตว์ป่า 114 ราย และด่านป่าไม้ 11 ราย
สำหรับภาพรวมการค้าชายแดนและผ่านแดนไทย-มาเลเซียในช่วง 6 เดือน ปี 2567 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่ารวม 296,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.41% แบ่งเป็นการส่งออก 171,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.89% และการนำเข้า 124,910 ล้านบาท ลดลง 9.31% โดยไทยได้ดุลการค้า 46,990 ล้านบาท และการค้าเฉพาะด่านศุลกากรสะเดา มีมูลค่า 214,411 ล้านบาท ลดลง 3.51% แบ่งเป็นการส่งออก 112,761 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.40% และการนำเข้า 101,650 ล้านบาท ลดลง 15.35% โดยไทยได้ดุลการค้า 11,111 ล้านบาท โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ น้ำยางข้น เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ถุงมือยาง ยางธรรมชาติที่กำหนดไว้ทางเทคนิค แผงวงจรไฟฟ้า ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ไม้แปรรูป แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า ไม้อัด และผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ และด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ มีมูลค่า 78,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.77% แบ่งเป็นการส่งออก 55,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.21% และการนำเข้า 22,594 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.08% โดยไทยได้ดุลการค้า 33,365 ล้านบาท โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ยางธรรมชาติที่กำหนดไว้ทางเทคนิค ไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ ยางแผ่นรมควัน ชั้นที่ 3 ส่วนประกอบและอุปกรณ์อื่น ๆ น้ำยางข้น ส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์นั่ง เครื่องตัดต่อและป้องกันวงจรไฟฟ้า ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เครื่องจักรที่ใช้กรองแยกของเหลวหรือก๊าซ