“ภูมิธรรม” บินด่วนกลับไทยทันทีหลังเดินทางไปปฏิบัติภารกิจเปิดตลาดการค้าที่คาซัคสถานได้เพียงวันเดียว เตรียมทำ 3 ภารกิจ ถก ครม. ถกพรรคเพื่อไทย ถกพรรคร่วม เดินหน้าการทำงานต่อ หลัง “เศรษฐา” หลุดเก้าอี้ ห่วงดิจิทัลวอลเล็ต และงบปี 68 ที่ยังค้างอยู่ ยันแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคมี 2 คน “อุ๊งอิ๊ง-ชัยเกษม”
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังรับทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะสิ้นสภาพ ในระหว่างเดินทางเยือนคาซัคสถาน ว่า ได้พูดคุยกับนายเศรษฐาแล้ว โดยได้แสดงความเสียใจและเสียดายในความตั้งใจที่จะทำงานของนายกฯ แต่ก็เคารพต่อคำวินิจฉัยของศาล โดยขั้นตอนต่อจากนี้ ตนในฐานะรองนายกฯ อันดับหนึ่ง จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี
“วันนี้ได้มีการเปลี่ยนเที่ยวบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยทันที หลังเสร็จสิ้นภารกิจการพบหารือกับนายกรัฐมนตรีคาซัคสถาน ซึ่งเป็นภารกิจสุดท้าย โดยพูดคุยถึงความร่วมมือเศรษฐกิจการค้าร่วมกัน และจะเดินทางถึงไทยในช่วงเช้าวันที่ 15 ส.ค.นี้”
ทั้งนี้ เดิมทีนายภูมิธรรมมีภารกิจเยือนคาซัคสถานเพื่อเปิดตลาดการค้า การลงทุนให้กับไทย ระหว่างวันที่ 13-18 ส.ค. 2567 โดยมีกำหนดการพบปะกับนายกรัฐมนตรีคาซัคสถาน รัฐมนตรีการค้าของคาซัคสถาน พบปะกับผู้ประกอบการด้านการขนส่ง พบปะกับผู้ประกอบการรายอาหารไทย และสำรวจตลาดการค้าไทย
นายภูมิธรรมกล่าวว่า สำหรับสิ่งที่ต้องรีบดำเนินการทันที 3 ด้าน คือ การประชุม ครม. ประชุมพรรคเพื่อไทย และหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อหารือแนวทางการทำงานหลังจากนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การทำงานต่อเนื่อง เป็นประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด ซึ่งตนมีความเป็นห่วงต่อนโยบายที่ค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และการจัดทำงบประมาณ ปี 2568 ซึ่งเรื่องนี้ตนกังวลมาก จะไปหารือกับพรรคในรายละเอียดต่อไป
สำหรับการประชุมกับสมาชิกพรรคเพื่อไทย จะหารือเกี่ยวกับการหาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคที่ตอนนี้มีอยู่ 2 รายชื่อ คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายชัยเกษม นิติศิริ โดยขณะนี้พรรคมีบุคคลที่มีศักยภาพพร้อมอยู่ 2 คน ซึ่งนายชัยเกษมก็รับทราบว่ามีสุขภาพกลับมาแข็งแรงแล้ว ที่ผ่านมาก็เข้ามาปฏิบัติช่วยทำงานกับพรรคมาโดยตลอด
ส่วนการประชุม ครม.จะวางแนวทางการทำงานและเดินหน้าทำงานต่อไป ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยอยู่ในฐานะรัฐบาลรักษาการ ซึ่งจะทำภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด และการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล จะมีการหารือสานต่อถึงนโยบายที่จะทำร่วมกันต่อไป
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดไปไกลเกิน ขณะนี้ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายไปก่อน และจะนานแค่ไหน ตนไม่ทราบขึ้นอยู่กับประชุมรัฐสภา ส่วนประเด็นคำถามที่ว่าจะต้องมีการหารือเรื่องนี้กับนายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เป็นคนละเรื่องกัน เพราะทุกอย่างต้องรอมติของกรรมการบริหารพรรค จากนี้ไปก็เป็นการบริหารจัดการร่วมกันของพรรค ซึ่งจะต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ ขณะที่นายกฯ คนใหม่ก็ต้องให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นคนตัดสินใจ เพราะเป็นกลไกตามกฎหมาย