“ภูมิธรรม” ดึงคนตัวใหญ่ ทั้งผู้ผลิต ผู้ประกอบการรายใหญ่ ห้างค้าปลีกค้าส่ง รวม 150 ราย ร่วมมือจัดทำโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล ลดกระหน่ำทั้งค่าเช่าพื้นที่ ลดราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย และลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนทั้งประเทศ ก่อนที่เงินดิจิทัล วอลเล็ต จะออก
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการหารือร่วมกับภาคเอกชนรายใหญ่ กว่า 150 ราย เพื่อผนึกกำลังกันจัดทำโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตามที่นายเศรษฐกิจ ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ประสานทุกภาคส่วนดำเนินการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็ก บรรเทาภาระค่าใช้จ่าย และลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.–20 พ.ย.2567 ก่อนที่เงินในโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต จะออกมา ว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในครั้งนี้ จะดำเนินการผ่าน 3 กิจกรรม ได้แก่ 1.ลดต้นทุนผู้ประกอบการรายเล็ก ทั้งการลดค่าเช่าร้านค้าและค่าเช่าแผงตลาด จัดโปรโมชันกับร้านค้าออนไลน์ ลดค่าขนส่ง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากไปรษณีย์ไทย 2.เพิ่มพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้รายเล็ก และจัดตลาดนัดพาณิชย์ทั่วประเทศ 76 จังหวัด ทั้งพื้นที่ในหน่วยงานรัฐและเอกชน 3.จับมือผู้ผลิตและค้าส่งรายใหญ่ ลดค่าครองชีพ ผ่านแคมเปญลดกระหน่ำ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ พร้อมจัดโปรโมชันทุกฤดูกาล อาทิ 9.9 10.10 ปีใหม่ สารทจีน กินเจ เป็นต้น
ทั้งนี้ การดำเนินการที่ผ่านมา รัฐบาลได้ผนึกกำลังกับกระทรวงต่าง ๆ และกรุงเทพมหานคร (กทม.) หน่วยงานราชการและเอกชนเจ้าของสถานที่ ลดค่าเช่าร้านค้า ค่าเช่าแผงตลาด และลดค่าขนส่งสินค้าไปแล้ว ซึ่งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้เริ่มดำเนินการยกเว้นค่าเช่าในส่วนของตลาด และพื้นที่เช่า ให้กับผู้ประกอบการรายย่อยแล้วรวม 4 เดือน ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว ส่วนการจัด “ตลาดนัดพาณิชย์” ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มพื้นที่จําหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการรายเล็กมีช่องทางจำหน่ายสินค้า เช่น ศาลากลางจังหวัด ร้านค้าสวัสดิการ สถานที่ท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม สถานีบริการน้ำมัน และพื้นที่ของห้างสรรพสินค้า เป็นต้น กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานและดำเนินการ
ส่วนการจับมือกับผู้ผลิตและผู้ค้าส่งรายใหญ่ ให้คนตัวใหญ่ช่วยคนตัวเล็ก ลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการรายย่อย และลดค่าครองชีพของประชาชน โดยลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน จึงเป็นที่มาของการจัดการประชุมในครั้งนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้ช่วยสนับสนุนการจัดกิจกรรมของสำนักงานพาณิชย์จังหวัด เช่น จัดหาผู้ประกอบการมาออกร้าน จัดหาสถานที่ และประสานขอความร่วมมือผู้ผลิตในท้องที่มาออกร้าน ลดราคาสินค้า ส่ววนห้างค้าส่งค้าปลีก ได้ขอความร่วมมือให้จัดสรรพื้นที่ในห้างเพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อย SME มาจำหน่ายสินค้า ช่วยจัดแคมเปญลดราคา กระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน และผู้ผลิต ซัปพลายเออร์ ขอให้มาออกบูธจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกในกิจกรรมของกระทรวงพาณิชย์ และสนับสนุนสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก เพื่อนำมาจำหน่ายในพื้นที่ชุมชนห่างไกล โดยกระทรวงพาณิชย์จะขอความร่วมมือทหารในการใช้รถโมบาย เพื่อจัดส่งสินค้าตามจุดจำหน่ายต่าง ๆ
“ผู้ผลิต ผู้ประกอบการรายใหญ่ ห้างค้าปลีกค้าส่ง ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ เพราะมองเห็นถึงปัญหาของประชาชนร่วมกัน โดยจะลดราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ การสนับสนุนสินค้าราคาถูก เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับประชาชน และลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการรายย่อย ด้วยการลดค่าเช่าพื้นที่ ค่าเช่าสถานที่ โดยนายกรัฐมนตรี จะประกาศคิกออฟในช่วงการประชุม ครม.สัญจร วันที่ 20 ส.ค.2567 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ขอขอบคุณ ที่พวกท่านได้เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ช่วยเหลือประชาชน และมั่นใจว่าโครงการนี้ จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศ ก่อนที่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต 4.5-5 แสนล้านบาท จะออกตามมา จึงต้องมีการจัดเตรียมความพร้อมทุกด้าน" นายภูมิธรรมกล่าว
สำหรับภาคเอกชนรายใหญ่ 150 ราย ที่มาเข้าร่วมหารือประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย สมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทย เครือเจริญโภคภัณฑ์ เครือไทยเบฟเวอเรจ เครือเซ็นทรัล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ จำกัด บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) บริษัท ยูนิชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท ดัชมิลล์ จำกัด บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด และบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น