“พาณิชย์”ประชุมร่วม 7 หน่วยงาน ระดมสมองเร่งด่วน จัดการปัญหาสินค้านำเข้าราคาถูก ไม่ได้มาตรฐาน เข้ามาขายในไทยทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ จนกระทบต่อผู้ประกอบการไทยและผู้บริโภค เผย 1-2 วันนี้ เตรียมปูพรมตรวจสอบสินค้าที่นำเข้ามาขาย ทำธุรกิจถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่งัดกฎหมายทุกฉบับเล่นงาน ส่วนทางออนไลน์ เล็งตรวจมีมาตรฐานหรือไม่ พร้อมหามาตรการสกัดเพิ่ม หลังคลังเก็บภาษีนำเข้าสินค้าต่ำกว่า 1,500 บาทไปแล้ว
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ทุกกรมในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ , กรมศุลกากร กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง , กระทรวงสาธารณสุข , กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) , สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) , กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) , สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) มาหารือเพื่อหาทางแก้ปัญหาเร่งด่วนตามที่ภาคเอกชนได้ขอให้ภาครัฐช่วยเหลือกรณีมีการนำเข้าสินค้าราคาถูกเข้ามาจำหน่ายในไทย ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ จนกระทบต่อผู้ประกอบการในประเทศและผู้บริโภค
ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหา ได้แบ่งสินค้านำเข้าที่วางจำหน่ายในไทยออกเป็น 2 รูปแบบ คือ ออฟไลน์และออนไลน์ โดยออฟไลน์ ในช่วง 1-2 วันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะลงพื้นที่ตรวจสอบว่าสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ ที่วางขายในไทย ทำถูกต้องตามกฎหมายไทยหรือไม่ โดยเบื้องต้น พบว่า ร้านค้าในแหล่งที่มีคนต่างชาติอยู่มาก คนขายไม่ใช่คนไทย ไม่มีวีซ่าเข้าประเทศ ไม่มีใบอนุญาตแรงงานต่างด้าว ไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ หรือจดทะเบียนนิติบุคคล รวมทั้งจะตรวจสอบว่าสินค้านำเข้ามีคุณภาพ มาตรฐาน และไม่เป็นสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาหรือไม่
“หากพบความไม่ถูกต้อง จะใช้กฎหมายที่มีอยู่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดดำเนินการ โดยต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นการดำเนินการในระยะเร่งด่วน ส่วนระยะกลางและยาว ก็ต้องมาดูว่าต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายใด ๆ บ้าง เพื่อให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น”
ส่วนการจำหน่ายทางออนไลน์ ได้ขอความร่วมมือกรมศุลกากร จัดส่งสินค้า 10 อันดับแรก ที่นำเข้าจากต่างประเทศสูงสุดผ่านการซื้อทางออนไลน์ เพื่อตรวจสอบดูว่าสินค้านั้น เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ หรือเป็นสินค้าทดแทน หรือเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องนำเข้า รวมถึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูว่าแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ที่ให้บริการซื้อขายผ่านทางออนไลน์ในไทย กฎหมายไทยจะดำเนินการใด ๆ ได้บ้าง เช่น กำหนดให้ต้องตั้งสำนักงานตัวแทนในไทย หรือต้องจดแจ้งใด ๆ หรือไม่ ซึ่งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) แจ้งว่า ภายใต้พระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล พ.ศ.2565 มาตรา 18 (2) และ (3) กำหนดให้แพลตฟอร์มดิจิทัล ที่แม้ไม่ได้ตั้งอยู่ในไทย แต่มีลูกค้าในไทย หรือมีความเสี่ยงต่อการเงิน การพาณิชย์ หรืออาจกระทบ หรืออาจเกิดความเสียหายต่อสาธารณะชน ต้องมาจดแจ้งข้อมูลกับ ETDA ด้วย รวมทั้งจะพิจารณาดูว่าจะมีมาตรการอะไรมาดำเนินการเพิ่มเติมได้อีก นอกเหนือจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับสินค้านำเข้าที่ซื้อผ่านทางออกไลน์ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท เริ่มตั้งแต่บาทแรก ที่คลังได้จัดเก็บไปแล้ว