“สุริยะ”สั่งเร่งโครงการพัฒนาคูน้ำถนนวิภาวดีรังสิต กว่า24 กม. งบ 1.66 พันล้านบาท กรมทางหลวง คาดงานระยะ 2 เสร็จต.ค. 67 ส่วนระยะ 3 จากคลองบางซื่อ-ฐานทัพอากาศดอนเมือง 16.8 กม. งบ 948 ล้านบาท เสร็จปี 69
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายให้กรมทางหลวงเร่งดำเนินโครงการพัฒนาคูน้ำริมทางหลวงหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) ระยะ (เฟส) ที่ 2 จากกม.5+500-กม.30+300 ช่วงแยกดินแดงถนนวิภาวดีรังสิต-คลองบึงทะเลสาบ ระยะทาง 24.8 กม. งบประมาณ 1,660 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทยที่กรมทางหลวงได้น้อมนำมาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและปัญหาการจราจร
โดยการก่อสร้างปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำบริเวณคูน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตในการระบายน้ำลงสู่คลองบางเขน คลองลาดพร้าว และคลองบางซื่อ ผ่านอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งตกแต่งภูมิทัศน์ตลอดริมคูน้ำถนนวิภาวดีรังสิตให้สวยงามเป็นเส้นทางประตูเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยการปรับปรุงทางเท้า ติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง ก่อสร้างทางจักรยานตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า แบ่งดำเนินงานเป็น 3 ตอน ได้ผลงานรวมแล้วประมาณ 85% โดยบริหารจัดการงานก่อสร้างที่ยังเป็นปัญหาอุปสรรค คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2567
นอกจากนี้ได้ดำเนินโครงการพัฒนาคูน้ำเฟส 3 ระหว่าง กม.8+700-กม.25+500 ช่วงคลองบางซื่อ (ซอยวิภาวดีรังสิต 3)-ฐานทัพอากาศดอนเมือง 16.8 กม. งบประมาณ 948 ล้านบาท เริ่มงานเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2566 ได้ผลงานประมาณ 10% สิ้นสุดสัญญา 11 กรกฎาคม 2569 รองรับปริมาณน้ำของคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิตในช่วงที่ยังไม่ได้ดำเนินการ ซึ่งต่อเนื่องมาจากโครงการเฟส 2 เพื่อให้การปรับปรุงคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิตมีความครบถ้วนเมื่อโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์จะเพิ่มขีดความสามารถในการระบายน้ำโดยเฉพาะบริเวณใกล้สถานีสูบน้ำได้อย่างรวดเร็ว รองรับปริมาณน้ำฝนประมาณ 100 มิลลิเมตร(มล.) จากปัจจุบันรองรับได้ 60 มล.ลดปัญหาการจราจรกรณีน้ำท่วมขังประชาชนสัญจรได้สะดวกปลอดภัยมากขึ้น
สำหรับโครงการฯระยะที่ 1 งานดันท่อลอดเชื่อมโยงระบบระบายน้ำสองฝั่งขาเข้าและขาออก งานติดตั้งระบบเครื่องสูบน้ำ งานลอกท่อดูดเลนของท่อระบายน้ำเดิม งานขยายท่อทางเชื่อม และงานปรับปรุงผิวจราจรวงเงิน 296 ล้านบาท กรมทางหลวงดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อปี 2562
