“ภูมิธรรม” หารือรัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาผู้ประกอบการและการสหกรณ์มาเลเซีย ร่วมมือส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์ของ 2 ประเทศ เตรียมเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมทำเวิร์กชอป และจัดบิสสิเนสแมชชิ่ง เพิ่มโอกาสขยายการค้า การลงทุนแฟรนไชส์ระหว่างกัน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการหารือกับดาตุก อีวอน เบเนดิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาผู้ประกอบการและการสหกรณ์มาเลเซีย เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2567 ที่กระทรวงพาณิชย์ ว่า ได้หารือกับรัฐมนตรีมาเลเซียถึงแนวทางความร่วมมือเพื่อส่งเสริมธุรกิจ SME โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งเป็นธุรกิจสำคัญที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศทั้งสอง และมีความเกี่ยวข้องกับ SME จำนวนมาก โดยความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าแล้วยังจะนำมาไปสู่การขยายการค้าและการลงทุนของแฟรนไชส์ในทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประสานความร่วมมือกับทูตมาเลเซีย เพื่อส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์อย่างเป็นรูปธรรม โดยจะเริ่มจากการจัดกิจกรรมเวิร์กชอป โดยจะเชิญผู้เชี่ยวชาญของทั้งมาเลเซียและไทย มาให้ความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจแฟรนไชส์ แฟรนไชส์ดาวรุ่งของแต่ละประเทศ ตลอดจนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจระหว่างแฟรนไชส์มาเลเซียและแฟรนไชส์ไทย เพื่อขยายการค้าการลงทุนของธุรกิจแฟรนไชส์ รวมทั้งเสริมสร้างสังคมแฟรนไชส์ของทั้งสองประเทศ ให้เติบโตและเข้มแข็งยิ่งขึ้น รวมทั้ง สองประเทศยังพร้อมที่จะขยายความร่วมมือในการส่งเสริมโอกาสทางการค้าให้กับ SME ระหว่างกันอีกด้วย
ปัจจุบัน มาเลเซียเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดกับไทยมายาวนาน เป็นตลาดที่มีศักยภาพในการขยายธุรกิจของไทย โดยชาวมาเลเซียที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยต่อปีมีจำนวนมากกว่า 3 ล้านคน จึงทำให้ชาวมาเลเซียมีความคุ้นเคยและนิยมชมชอบสินค้าและบริการของไทย โดยเฉพาะอาหารไทยและบริการนวดแผนไทย ซึ่งเอื้อต่อการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ไทยในมาเลเซีย
ทางด้านการค้า มาเลเซียเป็นประเทศเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในอาเซียน และอันดับที่ 4 ของไทยในโลก และเป็นคู่ค้าชายแดนอันดับ 1 ของไทย ในปี 2566 การค้ารวมไทย-มาเลเซีย มีมูลค่า 25,118.03 ล้านดอลลาร์ และในช่วง 5 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-พ.ค.) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 10,787.02 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นการส่งออก 5,046.26 ล้านดอลลาร์ และนำเข้า 5,740.76 ล้านดอลลาร์