xs
xsm
sm
md
lg

“NEO” รุกทุกช่องทางร้านค้าชูไซซ์ซิ่ง ตั้งตัวแทนเพิ่ม-ขยายตลาดครอบเอเชีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 -‘บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน)’ หรือ NEO ประกาศยุทธศาสตร์ 5 ปี รุกขยายแลนด์สเคปการกระจายสินค้าเสริมแกร่ง มุ่งส่งมอบนวัตกรรมสินค้าอุปโภคเข้าถึงผู้บริโภคครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดแผนเจาะร้านค้าปลีกดั้งเดิมลงลึกระดับหมู่บ้านและพื้นที่ใหม่ วางกลยุทธ์ไซซ์ซิ่งรับไลฟ์สไตล์การเลือกขนาดแพคเกจจิ้งของผู้บริโภค พร้อมบุกตลาดต่างประเทศ วางแผนแต่งตั้งดิสทริบิวเตอร์ขยายตลาดใหม่ครอบคลุมเอเชีย มั่นใจดันรายได้ทั้งปีเติบโต Double Digits ตามเป้าหมาย ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัท FMCG แห่งนวัตกรรมของเอเชีย


นางปัทมา ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการพาณิชย์ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ หรือ NEO) ผู้ทำการตลาด ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางยุทธศาสตร์ 5 ปี มุ่งขยายขอบเขตการกระจายสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ครอบคลุมทั้งช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) และช่องทางร้านค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional Trade) เพื่อส่งมอบนวัตกรรมสินค้าอุปโภคที่มีคุณภาพระดับสากล โดดเด่นและแตกต่าง

พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์หลากหลายขนาดในรูปแบบต่างๆ ที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์การใช้สินค้าและกำลังซื้อของผู้บริโภคแต่ละช่องทางได้อย่างเหมาะสม ภายใต้การกระจายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดส่งสินค้าที่มีความรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมทุกพื้นที่


กลยุทธ์การกระจายสินค้าในประเทศวางเป้าหมาย 5 ปี มุ่งขยายช่องทางร้านค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional Trade) ซึ่งบริษัทได้มีการเพิ่มหน่วยรถสำหรับกระจายสินค้าออกไปยังร้านค้าเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าจำนวนร้านค้าเพิ่มขึ้น 20% ในทุกปี เพื่อนำเสนอสินค้าอุปโภคกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก ภายใต้แบรนด์ ไฟน์ไลน์, ดีนี่, บีไนซ์, ทรอส, เอเวอร์เซ้นส์, วีไวต์, สมาร์ท และ โทมิ กระจายสู่ร้านค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional Trade) ในระดับตำบลและหมู่บ้าน รวมทั้งร้านค้าเกิดใหม่ เพื่อส่งมอบสินค้าถึงมือผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง

โดยมีศูนย์กระจายสินค้าและทีมขายมืออาชีพให้คำปรึกษาด้านการจัดการอย่างเป็นระบบ พร้อมช่วยแนะนำสินค้าที่เหมาะสม รวมทั้งวิธีการจัดเรียงสินค้าเพื่อดึงดูดการซื้อสินค้า ควบคู่กับการส่งเสริมการขายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังนำข้อมูลความต้องการของผู้บริโภคในเชิงลึก (Consumer Insights) สู่การดำเนินกลยุทธ์ด้านไซซ์ซิ่งผลิตภัณฑ์ จัดวางสินค้าขนาดที่เหมาะสมสำหรับร้านค้าขนาดกลางและเล็ก ให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคท้องถิ่น


“NEO มุ่งพัฒนาระบบการจัดจำหน่ายช่องทางร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ร้านโชห่วย และร้านค้าปลีกขนาดเล็กมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่องทางที่มีบทบาทสำคัญ ช่วยส่งมอบสินค้าอุปโภคถึงผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมและช่วยกระตุ้นยอดขายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากความสัมพันธ์อันดีนี้ส่งผลให้มีเครือข่ายร้านค้าปลีกขนาดเล็กครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 150,000 ร้านค้า ผ่านทางศูนย์ตัวแทนจำหน่ายของบริษัท และจากการเพิ่มการกระจายสินค้าในครั้งนี้จะช่วยลดระยะเวลาการจัดส่งสินค้าไปยังร้านค้าได้ เป็นการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมและรวดเร็วยิ่งขึ้น” นางปัทมา กล่าว

รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการพาณิชย์ NEO กล่าวถึงการขยายขอบเขตธุรกิจไปสู่ตลาดต่างประเทศว่า บริษัทฯ ได้วางแผนขยายสินค้าอุปโภคสู่ตลาดใหม่ในเอเชีย โดยกำลังพิจารณาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย (Distributors) ที่มีศักยภาพการดูแลสินค้าและการกระจายสินค้าผ่านทั้งช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) และร้านค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional Trade) โดยตั้งเป้าที่สินค้าที่มีนวัตกรรมที่แตกต่างและโดดเด่นมีคุณภาพระดับสากล เพื่อช่วยดูแลชีวิตประจำวันของผู้บริโภคให้ได้รับความสะดวกสบายและมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น และขับเคลื่อน NEO ก้าวสู่บริษัท FMCG แห่งนวัตกรรมของเอเชีย

ส่วนตลาดกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) จะนำสินค้าที่มีศักยภาพจำหน่ายเพิ่ม ผ่านดิสทริบิวเตอร์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ผลักดันสินค้าสู่ช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ควบคู่กับร้านค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional Trade) เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากบริษัทฯ ส่งออกผลิตภัณฑ์ซักผ้าไฟน์ไลน์ ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กดีนี่ ผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำบีไนซ์ ไปยังหลายประเทศ นับว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง สินค้าได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ซักผ้า

“ด้วยแผนการขยายขอบเขตธุรกิจตลาดต่างประเทศ ตั้งเป้าหมาย 5 ปี รายได้จากต่างประเทศจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 15% ของรายได้รวม หรือมีอัตราเติบโต Double Digits ทุกปีอย่างต่อเนื่อง” นางปัทมา กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น