"ส.อ.ท." เผยยอดขายรถยนต์ 5 เดือนแรกปีนี้ลดลง 23.80% มาอยู่ที่ 260,365 คัน หลังจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวในอัตราต่ำ ฉุดยอดผลิตรถยนต์เดือน พ.ค. 2567 วูบ 16.19% มาอยู่ที่ 126,161 คัน แต่ยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 3.39%
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือน พ.ค. 2567 มีจำนวน 49,871 คัน เพิ่มขึ้น 6.70% จากเดือน เม.ย. 2567 แต่ลดลง 23.38% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวในอัตราต่ำจากความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทำให้การลงทุนของภาครัฐลดลง ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงติดต่อกันมากกว่าสิบเดือน โรงงานหลายแห่งลดเวลาทำงานลงและมีการเลิกจ้างพนักงานหลายหมื่นคน ทำให้ขาดรายได้ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในเรื่องรายได้ รวมทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทางและพลังงานมีราคาสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี คาดว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังปีนี้น่าจะดีขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 และปี 2568 ที่กำลังพิจารณาในสภาฯ แต่เศรษฐกิจ (GDP) จะขยายตัวถึง 3% หรือไม่ยังน่ากังวล หากยอดผลิตรถยนต์และขายรถยนต์ และขายอสังหาริมทรัพย์ยังติดลบ เพราะทั้งสองอุตสาหกรรมมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องและแรงงานมาก จะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศมาก โดยช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ไทยมียอดขายรวม 260,365 คัน ลดลง 23.80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้มีโอกาสที่จะปรับลดเป้าหมายยอดขายรถในประเทศลง
ทั้งนี้ ยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมดในเดือน พ.ค. 2567 มีจำนวน 126,161 คัน ลดลง 16.19% จากเดือน พ.ค. 2566 มาจากการผลิตรถกระบะขายในประเทศลดลง 54.66% และผลิตรถยนต์นั่งขายในประเทศลดลง 14.35% ตามยอดขายในประเทศที่ลดลงจากเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตในอัตราต่ำและการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่พร้อมเต็มที่ แต่เพิ่มขึ้น 20.54% จากเดือน เม.ย. 2567 ขณะที่ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ทั้งสิ้น 644,951 คัน ลดลง 16.88% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน พ.ค. 2567 อยู่ที่ 89,284 คัน เพิ่มขึ้น 3.39% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีมูลค่าส่งออก 83,754.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.93% จากเดือน พ.ค. 2566 ขณะที่ยอดส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค. 2567) อยู่ที่ 429,969 คัน ลดลง 2.28% โดยมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์รวม 401,637.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมูลค่าส่งออกในปีนี้ยังไม่มั่นใจว่าจะถึง 1 ล้านล้านบาทหรือไม่
นายสุรพงษ์กล่าวต่อไปว่า ยอดจดทะเบียนยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) ในเดือน พ.ค. 2567 มีจำนวน 8,166 คัน เพิ่มขึ้น 14.50% จากเดือน พ.ค. 66 และช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนสะสมรวม 43,921 คัน เพิ่มขึ้น 31.64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับถึงวันที่ 31 พ.ค. 67 มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 175,316 คัน เพิ่มขึ้น 168.34% จากปีก่อน
ยอดจดทะเบียนใหม่ของยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) มีจำนวน 10,789 คัน เพิ่มขึ้น 34.64% จากเดือน พ.ค. 2566 และช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนสะสมรวม 59,317 คัน เพิ่มขึ้น 53.48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับถึงวันที่ 31 พ.ค. 2567 มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 402,414 คัน เพิ่มขึ้น 35.06% จากปีก่อน
ยอดจดทะเบียนใหม่ของยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) มีจำนวน 704 คัน ลดลง 31.32 จากเดือน พ.ค. 66 และช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนสะสมรวม 4,053 คัน ลดลง 22.01% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน