xs
xsm
sm
md
lg

เริ่มพ.ย.67!กพท.หารือแอร์ไลน์ จัดสรรที่นั่งเพิ่มรับสิทธิการบิน”ไทย-อินเดีย”ฝ่ายละ 7,000 ที่นั่งต่อสัปดาห์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กพท. หารือร่วมสายการบินจัดสรรสิทธิการบินไทย-อินเดีย เพิ่ม 7,000 ที่นั่งต่อสัปดาห์ สู่ 6 เมืองใหญ่ มุมไบ, เดลี, เชนไน, กัลกาตา, บังกาลอร์ และไฮเดอราบัด เริ่ม พ.ย. 67 กำชับสายการบินเตรียมจัดสรรที่นั่งรองรับการเดินทาง ที่ผู้โดยสารฟื้นจำนวนกลับมาใกล้กับกับก่อนโควิดแล้ว

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) หรือ กพท.เปิดเผยว่า ตามที่ประเทศไทยและประเทศอินเดีย ได้มีการประชุมเจรจาสิทธิการบินระหว่างกัน เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และผลการเจรจาครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ข้อตกลงร่วมกันในการเพิ่มจำนวนที่นั่งฝั่งละ7,000 ที่นั่งต่อสัปดาห์ สำหรับเส้นทางบินไปยัง 6 เมืองสำคัญในอินเดีย (มุมไบ, เดลี, เชนไน, กัลกาตา, บังกาลอร์ และไฮเดอราบัด) โดย กพท. ได้ประสานสายการบินเพื่อจัดสรรจำนวนที่นั่งที่ได้มาเพื่อให้สามารถทำการบินได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป และเพื่อให้สายการบินสามารถเร่งดำเนินการทั้งด้านการขออนุญาตทำการบินเข้า และการขอเวลาการทำการบินตามเส้นทางที่ได้รับการจัดสรรจากหน่วยงานฝั่งอินเดีย รวมทั้งการเตรียมทำการตลาดอย่างเหมาะสมต่อไป

โดย กพท.ได้แจ้งผลการจัดสรรและแนวทางเพื่อเตรียมการขอทำการบินเพิ่มเติมในฤดูกาลต่อ ๆ ไป


ปัจจุบันจำนวนผู้โดยสารเส้นทางไทย-อินเดีย กลับสู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดวิกฤต COVID-19
โดยตั้งแต่ช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์เป็นต้นมา มีผู้โดยสารประมาณ 7,000 คนต่อวัน การเพิ่มจำนวนที่นั่งนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารจากทั้งสองฝั่งได้อีกประมาณ 2,000 คนต่อวัน

ทั้งนี้ สายการบินของไทยได้รับความนิยมจากผู้โดยสารชาวอินเดีย เนื่องจากเส้นทางบินระหว่างไทยและอินเดียไม่ไกลมากนัก ทำให้สายการบินสามารถใช้ประโยชน์จากอากาศยานได้อย่างเต็มที่โดยการบินในช่วงกลางคืนและกลับมาในช่วงเช้า


อย่างไรก็ตาม การบินระหว่างไทยและอินเดียยังคงต้องมีการเจรจาเพื่อขอเพิ่มจำนวนที่นั่งและเที่ยวบินเป็นระยะ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการต่อไป เพื่อเพิ่มจุดหมายปลายทางและจำนวนผู้โดยสารเข้าออกประเทศไทยตามนโยบาย Aviation Hub ของรัฐบาล การเพิ่มจำนวนที่นั่งในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการเชื่อมโยงระหว่างไทยและอินเดีย และจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศอย่างมีนัยสำคัญ


กำลังโหลดความคิดเห็น