xs
xsm
sm
md
lg

ดัชนีผลผลิตอุตฯ เม.ย. 2567 พลิกขยายตัว 3.43% ในรอบ 18 เดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เมษายน 2567 อยู่ที่ระดับ 90.34 ขยายตัวร้อยละ 3.43 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกหลังหดตัวต่อเนื่อง 18 เดือน มาจากภาคการส่งออก ท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง ศก.โลกเริ่มฟื้นตัว พร้อมปรับประมาณการดัชนี MPI ปี 2567 คาดขยายตัวร้อยละ 0.0-1.0 ด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ภาคอุตสาหกรรม ปี 2567 คาดขยายตัวร้อยละ 0.5-1.5

นางศิริเพ็ญ เกียรติเฟื่องฟู รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เมษายน 2567 อยู่ที่ระดับ 90.34 ขยายตัวร้อยละ 3.43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกหลังหดตัวต่อเนื่อง 18 เดือน อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ ร้อยละ 55.26 สาเหตุหลักมาจากการส่งออกกลับมาขยายตัว โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถัง และอากาศยานรบ) ขยายตัวร้อยละ 14.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงภาคการท่องเที่ยวขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว และฐานต่ำในปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม 4 เดือนแรกของปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 98.28 หดตัวเฉลี่ยร้อยละ 2.06 และอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 59.13 เนื่องจากการผลิตยานยนต์ลดลงเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน จากการหดตัวของการบริโภคภายในประเทศ และปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น เป็นปัจจัยที่กดดันให้ MPI หดตัว ดังนั้น สศอ.ปรับประมาณการดัชนี MPI ปี 2567 อยู่ที่ขยายตัวร้อยละ 0.0-1.0 ด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ภาคอุตสาหกรรม ปี 2567 คาดขยายตัวร้อยละ 0.5-1.5

สำหรับระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทยเดือนพฤษภาคม 2567 ส่งสัญญาณฟื้นตัวระยะสั้น มาจากปัจจัยภายในประเทศฟื้นตัวตามความเชื่อมั่นทางธุรกิจ การนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ส่งสัญญาณฟื้นตัวระยะสั้นจากการฟื้นตัวของสหรัฐอเมริกา และผลผลิตในสหภาพยุโรป รวมทั้งภาคการผลิตของญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น

“สศอ.ปรับประมาณการดัชนี MPI ปี 2567 อยู่ที่ขยายตัวร้อยละ 0.0-1.0 จากประมาณการเดิมขยายตัวร้อยละ 2.0-3.0 ด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ภาคอุตสาหกรรม ปี 2567 คาดขยายตัว ร้อยละ 0.5-1.5 จากประมาณการครั้งก่อนคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.0-3.0 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหน่วยงานทางเศรษฐกิจอื่นๆ โดยมีสาเหตุหลักจากปัญหาหนี้สินครัวเรือนในประเทศและอัตราดอกเบี้ยมีระดับสูง ต้นทุนพลังงานและค่าจ้างปรับตัวสูงขึ้น สภาพภูมิอากาศแปรปรวนกระทบอุตสาหกรรมที่พึ่งพาผลผลิตทางการเกษตร ปัญหาสินค้านำเข้าราคาถูกล้นตลาดประเทศไทย รวมถึงปัจจัยต่างประเทศ เช่น เศรษฐกิจคู่ค้าหลักบางประเทศอาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด การเลือกตั้งผู้นำในหลายประเทศ ปัญหาเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน” นางศิริเพ็ญกล่าว

อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตเดือนเมษายน 2567 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ เครื่องจักรอื่นๆ ที่ใช้งานทั่วไป ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 24.19 จากผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศเป็นหลัก เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด รวมถึงผู้ผลิตสามารถพัฒนาสินค้าได้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค เช่น เพิ่มความสามารถในการกรอง PM 2.5 โดยขยายตัวทั้งตลาดในประเทศ และตลาดส่งออกไปสหรัฐฯ ยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.78 จากผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องบิน และแก๊สโซฮอล์ 91 เป็นหลัก ตามภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง

อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตเดือนเมษายน 2567 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 17.16 ยานยนต์ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.82 จากรถบรรทุกปิกอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก และรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ เป็นหลัก จากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง และสถาบันการเงินยังคงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ประกอบกับการส่งออกลดลงร้อยละ 6.81 ตามความต้องการสินค้าของประเทศคู่ค้าลดลง

คอนกรีต ปูนซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 7.39 ตามการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ลูกค้ากลุ่มโมเดิร์นเทรดและตัวแทนจำหน่ายชะลอคำสั่งซื้อเนื่องจากมีสินค้าในสต๊อกจำนวนมาก


กำลังโหลดความคิดเห็น