อคส.ร่วมกรมการค้าภายใน เปิดชี้แจงทีโออาร์ประมูลข้าว 10 ปริมาณ 1.5 หมื่นตัน มีโรงสี ผู้ส่งออก เข้าร่วมฟังจำนวน 10 ราย เตรียมเปิดให้ดูข้าว 31 พ.ค.-7 มิ.ย.นี้ ยื่นซองคุณสมบัติ 10 มิ.ย. ประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติ 13 มิ.ย. และเปิดให้ยื่นซองเสนอราคา 17 มิ.ย. และเปิดซองวันเดียวกัน ผู้ให้ราคาสูงสุดเป็นผู้ชนะ แต่ถ้าทิ้งสัญญา เลื่อนรายที่ 2 ขึ้นมาแทน แต่รายแรกต้องจ่ายส่วนต่าง หากรายที่ 2 ยื่นราคาต่ำกว่า ด้านโรงสี แสดงความสนใจ เหตุข้าวยังดีอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2567 องค์การคลังสินค้า (อคส.) ร่วมกับกรมการค้าภายใน เปิดชี้แจงหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเป็นการทั่วไป (ทีโออาร์) ซึ่งเป็นข้าวสารหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ที่เก็บในโกดังกิตติชัย หลัง 2 และพูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 จ.สุรินทร์ ปริมาณ 15,000 ตัน โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมฟังการชี้แจงครั้งนี้ ทั้งผู้ประกอบการโรงสี และผู้ส่งออก
นายกฤษณรักษ์ ใจดี รักษาการผู้อำนวยการ อคส. กล่าวว่า การชี้แจงทีโออาร์ครั้งนี้ มีผู้สนใจเข้าฟั’ประมาณ 10 ราย และก่อนหน้า มีผู้สนใจโทรศัพท์มาสอบถามกว่า 10 ราย มั่นใจว่า มีผู้ประมูลแน่นอน โดยจากนี้ จะเปิดโกดังให้ดูข้าววันที่ 31 พ.ค.-7 มิ.ย.2567 ยกเว้นวันที่ 3 มิ.ย.2567 ซึ่งจะให้ตรวจทางกายภาพด้วยตาเปล่าเท่านั้น ไม่ให้นำข้าวออกไปตรวจสอบ เพราะมีการตรวจสอบก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ส่วนกรณีหน่วยงานอื่น ที่ไม่ใช่ผู้ประมูล จะขอมาดูสภาพข้าวในโกดัง ต้องทำหนังสือมาที่ อคส. และกระทรวงพาณิชย์เพื่อขออนุญาตเป็นรายไป
นอกจากนี้ วันที่ 10 มิ.ย.2567 จะเปิดให้ยื่นซองคุณสมบัติ ตรวจสอบ และประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติวันที่ 13 มิ.ย.2567 ก่อนจะเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาซื้อวันที่ 17 มิ.ย.2567 และจะเปิดซองเสนอราคาวันเดียวกัน ผู้เสนอราคาซื้อสูงสุดจะเป็นผู้ชนะการประมูล และทำสัญญาซื้อขายข้าวกับ อคส. หากผู้ชนะ ทิ้งสัญญา ก็จะให้สิทธิ์ผู้เสนอซื้อราคาสูงสุดลำดับถัดไปมาทำสัญญา โดยมีเงื่อนไขว่า หากรายถัดไปเสนอราคาซื้อต่ำกว่าผู้ทิ้งสัญญา ผู้ทิ้งสัญญาต้องจ่ายส่วนต่างราคา เช่น ผู้ชนะ เสนอราคาสูงซื้อกิโลกรัม (กก.) ละ 22 บาท แต่ทิ้งสัญญา และรายที่ 2 เสนอซื้อ กก. ละ 20 บาท ผู้ทิ้งสัญญา ต้องจ่ายส่วนต่างกก.ละ 2 บาทให้ อคส. ด้วย
นายวิชัย ศรีนวกุล นายกสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า การร่วมรับฟังการชี้แจงครั้งนี้ เพราะอคส. ได้เชิญให้สมาคมฯ เข้าร่วม ส่วนจะสนใจเข้าร่วมประมูลหรือไม่ ต้องดูสภาพข้าวก่อน แต่จากการรับฟังเพื่อนโรงสี ที่ไปตรวจสอบข้าวที่โกดัง จ.สุรินทร์ ช่วงที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปตรวจสอบโกดัง พบว่า สภาพทางกายภาพยังดีอยู่ นำมาปรับปรุงคุณภาพให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานและขายได้ ซึ่งถ้ายังกินได้ ก็อาจเข้าร่วมเสนอราคาซื้อ ส่วนจะเสนอราคาเท่าไร ต้องดูสภาพข้าวก่อน คาดว่า กก. ละ 15 บาท น่าจะเป็นราคาเริ่มต้นเสนอซื้อ แต่จะไล่ราคาขึ้น หรือลงถึงเท่าไร ยังไม่ทราบ
“ข้าวที่จะขายออกสู่ผู้บริโภค จะต้องมีการปรับปรุงคุณภาพก่อนอยู่แล้ว เช่น การขัดสีข้าว การแยกเมล็ดแตกหักออก ปัจจุบัน เทคโนโลยีของโรงสี ผู้ประกอบการข้าวถุงของไทย มีคุณภาพ มาตรฐานมาก โดยมีเครื่องจักรในการคัดแยกข้าวเม็ดดี ไม่ดีออกจากกัน แม้แต่เม็ดข้าวมีจุดดำ มีเชื้อรา เครื่องก็ยังสามารถคัดแยกออกได้ มีความละเอียดสูงมาก ทำให้ได้ข้าวที่มีความปลอดภัยสำหรับการบริโภคแน่นอน แต่ข้าวเก่าอาจมีสีสันที่เปลี่ยนไปตามสภาพของอายุ ไม่ได้เป็นข้าวเสีย ยังสามารถหุงกินได้”นายวิชัยกล่าว
ด้านตัวแทนผู้ประกอบการโรงสี จาก จ.พิจิตร กล่าวว่า สนใจเข้าร่วมประมูลข้าวครั้งนี้ และน่าจะประมูลซื้อทั้ง 2 โกดัง จะเสนอราคาเท่าไร ยังไม่ทราบ ต้องรอดูข้าวก่อนเป็นอย่างไร แต่จากการติดตามข่าว เห็นว่า สภาพยังดีอยู่ ไม่ต้องปรับปรุงอะไรมาก ส่วนจะขายในประเทศ หรือส่งออกต้องแล้วแต่ผู้บริหาร อาจจะนำมาปรับปรุงคุณภาพแล้วขายต่อให้ผู้ส่งออกก็ได้