xs
xsm
sm
md
lg

“มนพร” ตรวจคืบหน้าเสริมทรายฟื้นฟูชายหาดชะอำ กว่า 6 กม. เจ้าท่าฯ เทงบ 1.4 พันล้านบาทแก้ปัญหากัดเซาะ-หนุนท่องเที่ยว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“มนพร” ตรวจโครงการเสริมทรายชายหาดชะอำ จ.เพชรบุรี เจ้าท่าฯ เทงบกว่า 1.4 พันล้าน เพิ่มความกว้าง 50-80 เมตร พร้อมเขื่อนกันคลื่นแก้ปัญหากัดเซาะ พร้อมสั่งเจ้าท่าฯ ใช้งบเหลือจ่าย ปี 67 ศึกษาออกแบบท่าเทียบเรือบ้านแหลม อำนวยความสะดวกชาวประมง

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีตรวจเยี่ยมโครงการเสริมทรายชายหาดและป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง และสำรวจพื้นที่จุดที่มีการขอรับงบประมาณก่อสร้างท่าเทียบเรือบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ว่า ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมในการเดินหน้าพลิกฟื้นชายหาดท่องเที่ยวในที่ต่างๆ ให้มีความสวยงาม และลดปัญหาการกัดเซาะ เพื่อช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ ที่ผ่านมาได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ชายหาดชะอำเรื่องปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง รวมทั้งได้รับการร้องขอจากกลุ่มชาวประมงบริเวณวัดไทรย้อย ให้ดำเนินการปรับปรุงเขื่อนกันคลื่นนอกชายฝั่ง ให้สามารถกำบังคลื่นลมได้ดียิ่งขึ้นเพื่อยกระดับความสะดวกและปลอดภัยต่อการประกอบอาชีพประมงและการใช้ประโยชน์พื้นที่ด้านหลังเขื่อนกันคลื่นนอกชายฝั่ง

สำหรับโครงการเสริมทรายชายหาดชะอำ จะเริ่มดำเนินการภายในปี 2567 โดยปริมาณทรายที่ใช้ในการเสริมทรายทั้ง 3 ระยะ ประมาณ 1,439,000 ลูกบาศก์เมตร ภายหลังโครงการฯ แล้วเสร็จจะทำให้ชายหาดมีความกว้างเฉลี่ย 50-80 เมตร พร้อมแก้ไขปัญหากัดเซาะชายฝั่ง ฟื้นฟูระบบนิเวศและช่วยบูรณะให้ชายหาดชะอำกลับมาสวยงาม รองรับกิจกรรมสันทนาการบนชายหาด และดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชนและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย


พื้นที่บริเวณชายหาดชะอำ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ถูกกัดเซาะมากที่สุด โดยกรมเจ้าท่า (จท.) อยู่ระหว่างดำเนินโครงการเสริมทรายชายหาดและป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ระยะทางรวม 6.05 กิโลเมตร ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 1,442.87 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1 บริเวณร้านอาหารปลาทู-ถนนโยธาธิการ (กม.1+500 - กม.3+200) ระยะทางประมาณ 1.7 กิโลเมตร งบประมาณ 554.94 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 ระยะทาง 800 เมตร งบประมาณ 270 ล้านบาท โดยเสริมทรายชายหาดกว้างเฉลี่ย 50-80 เมตร ซึ่งได้รับงบประมาณปี 2567 อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และตอนที่ 2 ระยะทาง 900 เมตร งบประมาณ 284.94 ล้านบาท ประกอบด้วย เสริมทรายชายหาดกว้างเฉลี่ย 50 เมตร ก่อสร้างกำแพงหินบริเวณปากคลองบางควาย พร้อมทั้งขุดลอกคลองและปรับปรุงเขื่อนกันคลื่นนอกชายฝั่งเดิมบริเวณหน้าวัดไทรย้อย และปรับปรุงระบบระบายน้ำ

ระยะที่ 2 (ซอยร่วมจิตร-ลานชมวิวหาดชะอำ) (กม.6+800 - กม.9+800) ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร งบประมาณ 598.61 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร งบประมาณ 299.305 ล้านบาท โดยเสริมทรายชายหาดกว้างเฉลี่ย 50 เมตร และตอนที่ 2 ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร งบประมาณ 299.305 ล้านบาท โดยเสริมทรายชายหาดกว้างเฉลี่ย 50 เมตร

ระยะที่ 3 (ลานชมวิวหาดชะอำ-บริเวณร้านอาหารไอ เลิฟ สวีต) (กม.9+800 - กม.11+150) ระยะทาง 1.35 กิโลเมตร งบประมาณ 289.32 ล้านบาท โดยเสริมทรายชายหาดกว้างเฉลี่ย 50 เมตร


“บริเวณชายหาดชะอำมีการถูกกัดเซาะเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของอำเภอชะอำ ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติจำนวนมาก เนื่องจากทะเล สวยงาม และใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ” นางมนพรกล่าว

ได้มอบให้ จท.ศึกษาผลกระทบจากการสร้างเขื่อนกันคลื่น เพื่อหาแนวทางป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งที่เหมาะสมอย่างยั่งยืน สำหรับโครงการเสริมทรายชายหาดฯ บริเวณชายหาดชะอำ ฝั่งด้านเหนือ ได้สั่งการให้ จท. ประสานหน่วยงานส่วนท้องถิ่นเพื่อจัดทำข้อมูลเป็นโครงการเร่งด่วนในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในครั้งนี้ เพื่อพิจารณาขอรับการจัดสรรงบประมาณจากงบกลาง เพื่อเร่งดำเนินการ และ ให้ จท.ปรับปรุงและออกแบบภูมิทัศน์ชายหาดให้สวยงาม โดยใช้ชายหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี เป็นต้นแบบ


@สั่งเจ้าท่าฯ ใช้งบเหลือจ่าย ปี 67 ศึกษาออกแบบท่าเทียบเรือบ้านแหลม

นางมนพรกล่าวว่า สำหรับการลงพื้นที่ตำบลบ้านแหลมวันนี้ ฝเพื่อรับฟังปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ โดยสมาคมประมงอำเภอบ้านแหลม องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแหลม และเทศบาลตำบลบ้านแหลม ได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างท่าเทียบเรือบ้านแหลม เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับขนถ่ายสัตว์น้ำ รวมทั้งรองรับการเทียบท่าของเรือประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน


ที่ผ่านมา จท.ได้ดำเนินการขุดลอกร่องน้ำบ้านแหลม เพื่อให้เรือสามารถเข้าเทียบท่าที่ตำบลบ้านแหลมได้ ทั้งนี้ จากที่ชุมชนขอรับการสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างท่าเทียบเรือนั้น กระทรวงฯ พร้อมผลักดันโครงการเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน โดยมอบให้ จท.พิจารณาใช้งบเหลือจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 เพื่อศึกษาและออกแบบโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือฯ จากนั้นจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณก่อสร้าง และขอรับการจัดสรรงบประมาณต่อไป ซึ่งท่าเทียบเรือดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกต่อการทำอาชีพประมง รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทางและขนส่ง ทำให้ประชาชนในพื้นที่สามารถสัญจรได้สะดวกขึ้น และเป็นการสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์




กำลังโหลดความคิดเห็น