PTTGC ร่วมมือกับ บีไอจี เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของ Hydrogen Economy ในไทย รวมถึงการบริหารจัดการและพัฒนานวัตกรรมเพื่อผลักดันการใช้ไฮโดรเจน มุ่งสู่การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในปี 2573 และNet Zeroในปี 2593 มุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ร่วมกับ บีไอจี ผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อสภาพภูมิอากาศ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจในการร่วมผลักดันเศรษฐกิจไฮโดรเจน (Hydrogen Economy) พลังงานเชื้อเพลิงที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดรับกลยุทธ์การรับมือกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในอนาคต และสร้างความสามารถทางการแข่งขันในระยะยาว ผ่านการใช้จุดแข็ง และความเชี่ยวชาญในธุรกิจด้านไฮโดรเจนและคาร์บอน นำมาต่อยอดและพัฒนาเป็นธุรกิจใหม่ (Necessity & Opportunity in New Landscape) ของ PTTGC และ บีไอจี
ความร่วมมือครั้งนี้ มุ่งเน้นการพัฒนาและขยายโครงสร้างพื้นฐาน และการกระตุ้นให้เกิดทั้งอุปสงค์และอุปทานตลอดห่วงโซ่ธุรกิจไฮโดรเจนในประเทศไทย ประกอบด้วย การผลิตและการแสวงหานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านไฮโดรเจน , โอกาสในการขยายธุรกิจไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำ เพื่อรองรับความต้องการพลังงานเชื้อเพลิงปลอดคาร์บอนในอนาคต อาทิเช่น ในอุตสาหกรรมยานยนต์และธุรกิจการบินที่ให้ความสำคัญกับเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF)
นายทศพร บุณยพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีขั้นต้นและขั้นกลาง บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีแผนการดำเนินงานและการวัดผลสำเร็จตามเป้าที่ชัดเจนสอดรับกลยุทธ์ 3 Steps Plus ได้แก่ Step Change ยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน Step Out แสวงหาโอกาสการเติบโตในธุรกิจใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ Step Up การดำเนินธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืน และ Necessity & Opportunity in New Landscape การแสวงหาโอกาสและพัฒนาต่อยอดให้เกิดธุรกิจใหม่ด้านไฮโดรเจนและคาร์บอน และการใช้ไฮโดรเจนพลังงานสะอาดในกระบวนการผลิต สู่การผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำให้กับผู้บริโภคเพื่อสร้างระบบนิเวศสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนร่วมกันสอดรับการขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืนตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ พร้อมมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593
นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจีกล่าวว่า Air Products จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทแม่ดำเนินธุรกิจไฮโดรเจนรายใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยเงินลงทุนโครงการบลูและกรีนไฮโดรเจนมูลค่ากว่า 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยล่าสุดได้สร้างคอมเพล็กซ์ผลิตกรีนไฮโดรเจนที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เมืองนีออม (NEOM) ประเทศ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งใช้พลังงานหมุนเวียนมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อผลิตเป็นกรีนแอมโมเนียขนส่งไปทั่วโลก และยังเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฮโดรเจนของโครงการ Clean Hydrogen Hub ประเทศสหรัฐอเมริกา
สำหรับประเทศไทยนั้น บีไอจีเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจไฮโดรเจนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มุ่งเน้นสร้างความยั่งยืนด้วยการนำเทคโนโลยีไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำมาช่วยแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครอบคลุมทั้งในภาคขนส่ง อุตสาหกรรม การผลิตไฟฟ้า เป็นต้น เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือกับ PTTGC ในครั้งนี้จะเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของบีไอจีที่จะสร้างอนาคตที่สะอาด (Generating a Cleaner Future) โดยผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เน้นการลงมือทำอย่างแท้จริง พร้อมกับการพัฒนา Ecosystem เพื่อประสานความเชี่ยวชาญที่หลากหลายของทั้งสององค์กร ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือการสร้างอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับการลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมและประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย Net Zero ไปด้วยกัน