xs
xsm
sm
md
lg

กรมทรัพย์สินทางปัญญา ลุยงานรับปี 33 พัฒนาบริการ หนุนใช้ประโยชน์ไอพี บูมสินค้า GI

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมทรัพย์สินทางปัญญากางแผนทำงานรับปีที่ 33 เดินหน้าพัฒนางานบริการให้มีความรวดเร็วขึ้น ทั้งการจดเครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะกีฬาของคนไทย ทั้งเจ็ตสกี มวยไทย เพิ่มมูลค่าการตลาดสินค้า GI ยกระดับสู่สินทรัพย์ดิจิทัล นำร่องลิขสิทธิ์เพลง

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยถึงแนวนโยบายการทำงาน เนื่องในโอกาสครบรอบ 32 ปี กรมทรัพย์สินทางปัญญา และกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 33 ว่า กรมจะมุ่งมั่นดำเนินภารกิจให้ตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจและประชาชน ผ่านบริการสำคัญ อาทิ นโยบาย Smart DIP โดยใช้เทคโนโลยีพลิกโฉมงานบริการ เช่น ระบบ Image Search ช่วยตรวจสอบความเหมือนคล้ายเครื่องหมายการค้ารวดเร็วยิ่งขึ้น บริการจดทะเบียนเร่งด่วน (Fast Track) เช่น จดเครื่องหมายการค้าภายใน 4 เดือน จากเดิม 12 เดือน ต่ออายุเครื่องหมายการค้าภายใน 30 นาที จากเดิม 60 วัน จดสิทธิบัตรภายใน 12 เดือน จากเดิม 55 เดือน เป็นต้น

สำหรับด้านการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์ ได้ส่งเสริมการสร้างธุรกิจต้นแบบที่ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับธุรกิจ โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์กีฬาของคนไทยสู่สากล เช่น เจ็ตสกีชิงแชมป์โลก WGP#1 ของไทย จัดแข่งขันในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย ถ่ายทอดการแข่งขันไปยัง 121 ประเทศทั่วโลก มีผู้รับชมกว่า 500 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 5,000 ล้านบาท และจะมีการต่อยอดแนวทางดังกล่าวในอุตสาหกรรมกีฬาประเภทอื่นที่ไทยมีศักยภาพ เช่น มวยไทย ต่อไป


ด้านการยกระดับสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น ปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สินค้าไทยแล้ว 203 รายการ สร้างมูลค่าการตลาด 70,000 ล้านบาท รวมทั้งเร่งรัดการจด GI ไทยในต่างประเทศให้เร็วขึ้น ผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศในการแลกเปลี่ยนการจดทะเบียน GI ระหว่างกัน และยังมีการยกระดับวัตถุดิบ GI สู่เมนู Fine Dining โดยเชฟมิชลิน ซึ่งช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าท้องถิ่น สร้างความแปลกใหม่ และสร้างแรงบันดาลใจในการนำสินค้า GI มารังสรรค์เมนูใหม่ ๆ ด้วย

นายวุฒิไกร กล่าวว่า กรมยังอยู่ระหว่างพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ บนพื้นฐานเทคโนโลยี Blockchain เพื่อแปลงทรัพย์สินทางปัญญาให้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งสะดวกต่อการซื้อขายแลกเปลี่ยน และสร้างความมั่นใจว่าผู้รับโอนสิทธิจะได้รับผลงานที่เป็นของแท้ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ซื้อขายผลงาน (Market Place) จากผู้สร้างสรรค์ได้โดยตรง และสามารถพัฒนาไปสู่การระดมทุนในลักษณะ Crowd Funding ได้อีกด้วย โดยจะนำร่องในการซื้อขายงานลิขสิทธิ์เพลงก่อนเป็นลำดับแรก

นอกจากนี้ กรมยังจะให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนผ่านการประกาศเจตนารมณ์ กรม “ไม่เอาถ่าน” โดยวางมาตรการต่าง ๆ เพื่อเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 20 ภายในปี 2573 เพิ่ม Carbon Stock ให้สภาพแวดล้อม ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ ชดเชย 30,000 ต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น